ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

ปิยบุตร โบกมือลาการเมือง เบื่อแล้ว พูดอะไรก็ทัวร์ลง คนเกลียดเพิ่มขึ้น แม้แต่แฟนคลับ ก้าวไกล

“ปิยบุตร” โบกมือลาการเมือง เบื่อแล้ว พูดอะไรก็ทัวร์ลง คนเกลียดเพิ่มขึ้น แม้แต่แฟนคลับ “ก้าวไกล” ขอกลับไปเขียนตำราวิชาการ เพราะเสียดายความรู้ที่ร่ำเรียน

วันนี้ (22 ก.ย.66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ว่า การแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาหลายครั้ง ในหลายประเด็น ถูกกลุ่มผู้เห็นต่าง ทั้งจากฝ่ายความมั่นคง และ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ตอบโต้ มาโดยตลอดก็พอเข้าใจได้ แต่การวิจารณ์ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล แฟนคลับหลายคนรับไม่ได้ และ ถึงขั้นทัวร์ลง หลายครั้งตั้งคำถามว่า เหตุใดตนเองจึงไม่พูดคุยกันเป็นการภายใน ก็เพราะกฎหมาย ห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยว ครอบงำ ในฐานะคนนอก ไม่สามารถดำเนินการได้ และ พรรคก้าวไกล ก็ไม่เคยเชิญ ให้ตนเองเข้าไปทำอะไร หรือ พูดคุยทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรค จึงต้องสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียแทน

นายปิยบุตร  ล่าวีกว่าการวิจารณ์ต่อพรรคก้าวไกลที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา ส่วนตัวก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ตรงกันข้ามกับมีคนเกลียดเพิ่มมากขึ้น กลายเป็นว่า คน 3 กลุ่ม ทั้งไอโอ ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย และ ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล รุมตอบโต้ จึงไม่รู้ว่าจะทำต่อไปทำไมอามิดสินจ้างก็ไม่ได้ถ้าตัวก็ไม่ขึ้นความนิยมชมชอบลดน้อยถอยลงเพราะคนด่าเพิ่มขึ้นมีคนหลายกลุ่มด่าเพิ่มและเกลียดผมมากขึ้นแล้วจะทำไปทำไม แต่เพราะว่าเชื่อมั่นว่าพักก้าวไกลจะเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เมื่อเกิดความเชื่อมั่นก็ต้องพูดกันตรงไปตรงมา

นับวันนี้ผู้สนับสนุนพักเข้าไกลอาจจะหงุดหงิดหรือไม่พร้อมที่จะรับฟังการวิจารณ์ถ้าก้าวไกลก็ไม่เป็นไร แม่ไม่ปกติที่อื่นทั่วไป นับตั้งแต่นี้ ก็จะพยายามไม่พูดถึงพระก้าวไกล แล้วจะมีข้อความ ซึ่งเป็นข้อเขียนสุดท้ายเรื่องความปรารถนาดีต่อพระก้าวไกล เธอเอาลองไปพิจารณาแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อการเมืองไทย และพรรคก้าวไกลต่อไป

ต้องขออนุญาตลาทุกท่านไปก่อนตอนนี้เกิดอารมณ์ เบื่อขึ้นมาแล้วครับไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อสาธารณประโยชน์ไปทำไมพูดไปก็ทัวร์ลงทุกฝ่ายฝ่ายความมั่นคงเพื่อสนับสนุนเพื่อไทยผู้สนับสนุนก้าวไกลก็มาลงผมโดนหมดทุกทางเลย เลยคิดว่าน่าจะไปพักผ่อนสบายๆงดบทบาทในการแสดงความเห็นในที่สาธารณะ ต่อไปนี้อาจจะไปเขียน เรื่องกีฬาหรือดนตรีภาพยนตร์แทนบ้านเมืองการเมือง และจะนั่งทบทวนคิดถึงตัวเองบ้างเพราะที่ผ่านมาไม่ได้นึกถึงตัวเองเท่าไหร่ แต่การตัดสินใจนี้ เกิดจากการคิดถึงตัวเองนั่งทบทวนว่าจะทำไปทำไมในเมื่อความเกลียดมาจากทุกๆทุกทางเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆดังนั้นก็จะไปหาทางทำอย่างอื่นเขียนหนังสือวิชาการที่ค้างไว้หรือถ้ามหาวิทยาลัยต่างๆเล็งเห็นถึงประโยชน์ของตนเองก็เชิญไปสอนหนังสือไปบรรยายก็ยินดี ถึงเวลาแล้วที่ต้องยุติเรื่องพวกนี้สักทีถึงเวลาที่จะกลับไปทำงานวิชาการเพราะเสียดายความรู้ที่ต้องเรียนมา

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark