ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

จับผู้ต้องหาเพิ่มคนขายปืนแบลงก์กันดัดแปลงให้ ด.ช.14 ปี

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน "แบลงก์กัน" ดัดแปลงให้กับเด็กชายอายุ 14 ปี ไปใช้ก่อเหตุ ก่อนตามไปจับกุมตัว นำกลับมาดำเนินคดีที่กรุงเทพมหานคร

ตำรวจนครบาล ขยายผลจากการสอบปากคำ และผลการตรวจสอบของกลางที่ตรวจยึดได้จากเด็กชายอายุ 14 ปี ที่ก่อเหตุใช้ปืนแบลงก์กันดัดแปลง ไปก่อเหตุกราดยิงผู้ใช้บริการในศูนย์การค้า สยามพารากอน จนได้เบาะแสของคนที่ซื้อขายอาวุธปืนกับผู้ก่อเหตุ จากการตรวจสอบพบเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของ สน.ยานนาวา ตำรวจ สน.ยานนาวา จึงไปขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา มี นายสุวรรณหงษ์ อายุ 44 ปี และอีกคน คือ นายอัครวิชญ์ อายุ 22 ปี ถูกออกหมายจับความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

พฤติการณ์ที่สืบสวนพบ คือ หลังจากที่เด็กชายไปเห็นการซื้อขายอาวุธปืนในโลกออนไลน์ ก็ได้สั่งซื้อปืนกล็อกจากนายสุวรรณหงษ์ แล้วก็มีการโอนเงินสั่งซื้อเข้าบัญชีไป 16,000 บาท จากนั้น นายสุวรรณหงษ์ก็ไปกดถอนเงินจากตู้ ATM ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดยะลา แล้วให้นายอัครวิชญ์ ซึ่งเป็นลูกเลี้ยง ทำการดัดแปลงปืนแบลงก์กัน ส่งไปให้กับเด็กชายอายุ 14 ปี ที่กรุงเทพมหานคร

ตำรวจนครบาล จึงประสานให้ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดยะลา สนธิกำลังเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่บ้านพักในตำบลสะเตง อำเภอเมืองยะลา ตอนประมาณ 01.00 น. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการตรวจค้นภายในบ้าน พบกระสุนปืนแบลงก์กัน 209 นัด, ท่อเหล็กสำหรับดัดแปลงทำเป็นลำกล้อง 33 ท่อน, สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม, ซองบรรจุกระสุนปืนอีก 9 อัน, เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ตอนไปกดเงิน และของกลางอุปกรณ์ที่ใช้ในการดัดแปลงอาวุธปืนอื่น ๆ รวม 27 รายการ จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมของกลาง ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองยะลา ก่อนพาตัวขึ้นเครื่องบิน นำกลับมาดำเนินคดีที่ สน.ยานนาวา กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงประมาณ 11.00 น. ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ตำรวจยังออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 1 คน ชื่อ นายปิยะบุตร อายุ 30 ปี เป็นคนขายอาวุธปืนให้ผู้ต้องหา ที่อยู่ระหว่างการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

ส่วนที่ศูนย์การค้า สยามพารากอน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางห้างฯ ได้นิมนต์พระสงฆ์ 29 รูป จากวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และวัดเทพศิรินทร์ มาประกอบพิธีสงฆ์ภายในห้างฯ บริเวณจุดที่เกิดเหตุ และที่ลานจอดรถที่นำผู้เสียชีวิตออกมารวมกัน ก่อนนำส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการชันสูตร โดยทางห้างฯ ขอความร่วมมือ ไม่อนุญาตให้เข้าไปบันทึกภาพการประกอบพิธีดังกล่าว

ขณะที่ ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามญาติของผู้เสียชีวิตชาวเมียนมา ที่เมื่อวานนี้เปิดเผยที่วัดผาสุกมณีจักร์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี บอกว่า อยากจะไปทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตตามความเชื่อ แต่จากการประสานกับทางห้างฯ ได้รับแจ้งว่า ยังไม่สะดวกจะให้เข้าไปทำพิธีฯ ดังกล่าว จึงต้องรอการประสานจากทางห้างฯ อีกครั้งว่า จะอนุญาตให้เข้าไปทำพิธีได้เมื่อใด ส่วนเรื่องการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ยังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้

สำหรับพิธีสวดอภิธรรมผู้เสียชีวิตสัญชาติเมียนมาเมื่อคืนนี้ จากการสังเกตของทีมข่าว พบว่า ภายในงานมีเพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิตมาร่วมฟังพระสวดพระอภิธรรมเป็นจำนวนมาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพื่อนร่วมงานบางคนถึงกับหลั่งน้ำตา กอดคอแสดงความเสียใจกันออกมาต่อหน้ารูปถ่ายตั้งหน้าโลงศพ หลายคนยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้

เพื่อนร่วมงานบอกว่า ตนยังไม่เห็นครอบครัวผู้ก่อเหตุมาร่วมงานศพ หรือขอขมาผู้เสียชีวิต หรือแสดงความเสียใจใด ๆ อย่างน้อยก็อยากให้ผู้ปกครองของเด็กรายนี้ได้มาขอขมาศพ แสดงความเสียใจบ้างก็ยังดี และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือสถานทูต พาแม่ของผู้เสียชีวิตมาร่วมงานศพ อย่างน้อยก็อยากให้ทันวันประกอบพิธีฌาปนกิจในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ ด้วย

นายจ้างของผู้เสียชีวิต บอกว่า จะมอบหมายทนายความติดตามเรื่องค่าเสียหายให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ยืนยันว่า ส่วนตัวจะจ่ายเงินเดือนละ 10,000 บาท ให้กับครอบครัวต่อไป เพราะเห็นใจที่ผู้เสียชีวิตเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว ตั้งใจเข้ามาทำงานเพื่อส่งเงินให้แม่นำไปใช้รักษาอาการป่วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark