ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

มารดาชาวเมียนมา ร่วมสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้าย

ข่าวภาคค่ำ - คืนนี้เป็นคืนสุดท้าย ที่จะมีพิธีสวดอภิธรรมศพให้กับผู้เสียชีวิตชาวเมียนมา จากเหตุกราดยิงในศูนย์การค้าสยามพารากอน ก่อนที่วันพรุ่งนี้จะมีพิธีฌาปนกิจศพในเวลา 13.00 น.

ที่วัดผาสุกมณีจักร ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มารดาของผู้เสียชีวิตชาวเมียนมา เข้าร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม ในคืนที่ 4 ซึ่งเป็นคืนสุดท้าย ก่อนที่วันพรุ่งนี้ จะเป็นการประกอบพิธีฌาปนกิจศพต่อไป

มารดาของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนเองป่วยเป็นโรคไตและความดัน ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ได้ลูกสาวคอยทำงานส่งเงินไปเป็นค่ารักษา ยอมรับยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่จะไม่โทษพ่อและแม่ของเด็กชาย เพราะมองว่าคงเจ็บปวดใจไม่แพ้กัน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผู้ก่อเหตุ อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกสาว ซึ่งหลังให้สัมภาษณ์เสร็จ ก็มีอาการคล้ายจะเป็นลมอีกครั้ง จนทุกคนต้องเข้าไปช่วยกันปฐมพยาบาล

ล่าสุด บิดาของเด็กชายได้เข้ากราบขอขมามารดาของผู้เสียชีวิต พร้อมกับนำเงินมามอบให้เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้น ซึ่งทางฝ่ายมารดาของผู้เสียชีวิตปฏิเสธรับเงินดังกล่าว พร้อมบอกว่า ไม่ถือโทษโกรธเคือง และให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยมีล่ามแปลภาษาไทย-เมียนมา เป็นสื่อกลางในการพูดคุยกัน 

ส่วนที่พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา พาตัวนายสุวรรณหงษ์ และนายอัครวิชญ์ 2 พ่อลูก ที่ขายอาวุธปืนดัดแปลง และนายปิยะบุตร ที่ขายกระสุนปืนและซองบรรจุกระสุน ให้เด็กชายอายุ 14 ปี ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขัง ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตรับฝากขัง และไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาประกันตัวทั้ง 3 คน เนื่องจากเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง เกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี

ส่วนกรณีที่ในสื่อสังคมออนไลน์ มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงผู้ใช้บัญชีอินสตาแกรมรายหนึ่ง โพสต์ภาพอาวุธปืน มีข้อความกลางภาพเขียนว่า "พบกันเซ็นทรัลเวิลด์" ใน IG Story ส่วนตัว ก่อนที่เจ้าตัว จะนำภาพดังกล่าวมาโพสต์ลงหน้าเพจของตัวเอง พร้อมอธิบายว่า เป็นโพสต์เล่นกับเพื่อนแบบขำ ๆ ไม่ได้จะนำไปยิงใครจริง แต่ถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไม่เหมาะสมและอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดี

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้ออกหนังสือชี้แจงกรณีดังกล่าว ว่าได้สั่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย พร้อมประสานตำรวจ สน.ปทุมวัน และตำรวจ 191 ประจำการเพื่อเฝ้าระวังตรวจตราพื้นที่โดยรอบศูนย์การค้าฯ แล้ว

ด้าน พันตำรวจเอก ศิริวัฒน์ ดีพอ ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุว่ากรณีนี้อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้คนในสังคม หรือส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด จึงฝากเตือนสติ ให้ทุกคนใช้โซเชียลอย่างระมัดระวัง ไม่ควรนำเหตุความรุนแรงมาล้อเล่น

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark