ครอบครัวใจสลาย! ลูกโดนระเบิด อยากได้ศพกลับมาบ้านเกิด

ครอบครัวร่ำร้องไห้ หลังได้รับแจ้งข่าวร้าย ลูกชายคนเล็กเสียชีวิต จากการถูกระเบิดลงแปลงเกษตรในอิสราเอล วอนช่วยนำศพลูกกลับมาทำบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด

วอนช่วยนำศพกลับบ้านเกิด  วันนี้ (11 ต.ค.66) ที่บ้านหลังหนึ่ง บ้านกระแชงเมืองใหม่ หมู่ที่ 17 ตำบลกระแชง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นบ้านของนายไสว อายุ 55 ปี พ่อของนายสุรัตน์และนายพงษ์พัฒน์  2 แรงงงานไทยที่ไปทำงานที่แปลงเกษตรในอิสราเอล ในเช้าของวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ขณะที่เหตุยิงปะทะถล่มกันระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ยังไม่สงบ แต่นายจ้างได้ขอความร่วมมือให้แรงงานทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ ที่พักอยู่ในแคมป์คนงาน ราว 60 คน ออกไปเก็บผลผลิตราว 20 คน ขณะออกไปยังแปลงเกษตรได้เพียง 30 นาที ลูกปืนใหญ่ได้ตกลงมายังแปลงเกษตร 1 ลูก แรงงานต่างคนต่างหลบเอาตัวรอด

ขณะที่นายสุรัตน์และนายพงษ์พัฒน์ พี่น้อง 2 คน ก็ได้หลบลูกปืนใหญ่ แต่นายพงษ์พัฒน์ หลบไม่ทัน โดยลูกปืนเข้าไปเต็มๆ เสียชีวิต พร้อมกับมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน จากนั้นได้หลบเข้ามายังแคมป์คนงาน และแจ้งให้นายจ้างรับทราบ นายสุรัตน์ได้โทรศัพท์มาแจ้งทางบ้านที่บ้านกระแชงเมืองใหม่กับครอบครัว พ่อแม่และภรรยาต่างร้องไห้หนักมาก

ผู้เป็นพ่อ เล่าทั้งน้ำตา ว่า ตนรู้ว่าลูกชายคนเล็กเสียชีวิต ตอน 1 ทุ่มเมื่อคืนนี้ โดยพี่ชายเขาเป็นโทรมาบอกพ่อว่าไอ้ก๋อม (นายพงษ์พัฒน์) ไปแล้ว เสียงก็ขาดๆ สัญญานไม่ค่อยดี ได้ยินเพียงคำสุดท้ายว่าตายแล้ว พ่อตะลึง ขณะไปใส่เบ็ดปลาที่ทุ่งนา จะสอบถามก็สัญญานโทรศัพท์ไม่ค่อยชัด แต่ที่ชัดมากก็คือคำว่า “ไอ้ก๋อมตายแล้วพ่อ” พ่อพูดอะไรไม่ออก เข่าทรุดลงกับพื้นนา เดินกลับมาจากป่าแทบไม่ได้ ดีที่มีเพื่อนบ้านมาพยุงช่วยออกมา

ตนมีลูกเพียง 2 คน เป็นลูกชายทั้งคู่ คนที่ตายเป็นคนเล็ก พ่อก็บอกมาตลอดว่า หากอยู่ไม่ได้ก็กลับบ้านเรานะลูก ลูกทั้งสองก็บอกว่าอยู่ได้ๆ ถ้าเขายิงกันหนักอยู่ไม่ไหวก็กลับนะลูก ลูกทั้ง 2 คนของตน เพิ่งเคยไปทำงานครั้งแรก ไปได้ 3 ปีเศษ ก่อนหน้านี้ได้กลับมาบ้านช่วงสงกรานต์ มาพักร้อน และเพิ่งกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกรอบ โดยตอนนี้พ่ออยากได้ศพลูกกลับมาที่บ้าน อยากเห็นหน้าลูกเป็นครั้งสุดท้าย

เช่นเดียวกันกับลูกสะใภ้คนเล็ก ภรรยาผู้เสียชีวิต เล่าว่า ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกันกับแฟน คือตอน 06.15 น. โดยแฟนร้องบอกว่า “ยุ้ยแค่นี้แหละ เขายิงกันอีกแล้ว” จากนั้นแฟนก็วางสายไป และแปบเดียวป้าก็ได้รับโทรศัพท์ พร้อมกับข่าวร้ายว่าสามีถูกระเบิดตายแล้ว ตนพูดอะไรไม่ออกเลย เสียใจมาก เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย ส่วนเรื่องศพก็แล้วแต่พ่อปู่จะดำเนินการ ซึ่งทุกคนในครอบครัวอยากได้ศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านกัน