ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

ศาลปกครองสูงสุด ตีตกคำขอ ป.ป.ช. ขอพิจารณาใหม่คดีสั่งเปิดผลสอบนาฬิกาบิ๊กป้อม


ข้ออ้างที่ยกขึ้นต่อสู้ไม่ใช่หลักฐานใหม่ศาลปกครองสูงสุด ตีตกคำขอของ ป.ป.ช. ขอให้พิจารณาใหม่ คดีสั่งเปิดเอกสารสอบ "นาฬิกาบิ๊กป้อม"

วันนี้ (20 ต.ค.66) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง ไม่รับคำขอของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ขอให้พิจารณาคดีที่นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชัน (คปต.) ยื่นฟ้องขอให้เปิดเอกสารการไต่สวนคดี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาจงใจยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน อันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบ กรณีไม่แสดงว่ามีนาฬิกาข้อมือและแหวนประดับ 3 รายการ

ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมาย ที่ สค 333/2562 ใหม่ หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ ป.ป.ช. เปิดเอกสารทั้ง 3 รายการแก่นายวีระ  ได้แก่
1.รายงานและสำนวนการตรวจสอบ การไต่สวน และการไต่สวนเบื้องต้น รวมทั้ง บรรดาเอกสารที่เกี่ยวข้อง รายการการแสวงหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐาน เอกสารทั้งหมด
2. เอกสารความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคนที่รับผิดชอบ
3. รายงานการประชุมของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้

ต่อมา ป.ป.ช.มีมติให้เปิดเอกสารเพียง 2 รายการ โดยเอกสารรายการที่ 2 ซึ่งความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ทุกคนที่รับผิดชอบ ป.ป.ช. มีมติไม่เปิดเผย โดยอ้างว่าจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และพนักงานไต่สวน รวมทั้งบุคคลภายนอกที่มาให้ข้อมูล พร้อมกับมีมติให้สำนักงาน ป.ป.ช.ยื่นขอศาลปกครองพิจารณาคดีใหม่ และศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับคำขอดังกล่าวไว้พิจารณา เนื่องจากไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอพิจารณาคดีใหม่ได้ตามมาตรา 75 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด

โดยศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ความเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หรืออาจจะเดือดร้อนเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้จากการกระทำ หรืองดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งอันแสดงให้เห็นว่าผู้นั้นเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลปกครองชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ในชั้นตรวจคำฟ้องก่อนที่จะมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณาแล้ว แม้ประเด็นการเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีหรือไม่ เป็นเงื่อนไขการฟ้องคดีปกครอง จะเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่กรณีไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ศาลปกครองสูงสุดย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

แต่เมื่อคดีนี้ ไม่มีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับการเป็นผู้มีสิทธิฟ้องคดีของผู้ฟ้องคดี และผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเองก็มิได้ยกขึ้นโต้แย้งทั้งในกระบวนพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุด ศาลจึงไม่จำต้องยกขึ้นวินิจฉัย และระบุไว้ในคำพิพากษา กรณีดังกล่าวจึงไม่อาจถือได้ว่า คำพิพากษาของศาลมีสาระสำคัญไม่ครบถ้วนตามมาตรา 69 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กล่าวอ้าง ซึ่งจะทำให้ศาลฟังข้อเท็จจริงผิดพลาดหรือมีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ หรือมีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม

ส่วนกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2อ้างว่า เอกสารที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอให้เปิดเผยเป็นข้อมูลข่าวสารที่ห้ามมิให้เปิดเผยนั้น เห็นว่า ข้อกล่าวอ้างในการขอพิจารณาคดีใหม่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยไว้แล้ว กรณีจึงเป็นการโต้แย้งการใช้ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน การพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลเท่านั้น

กรณีดังกล่าวจึงไม่อาจถือได้ว่ามีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนการพิจารณาพิพากษา ที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ตามที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ดังนั้น คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 2 จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ศาลจะรับไว้พิจารณาได้

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark