ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ลูกจ้างสาว ร้องเอาผิดเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นทารุณ

เช้าข่าว 7 สี - มีลูกจ้างสาวคนหนึ่งไปขอความช่วยเหลือ อ้างว่าถูกนายจ้างโหด ทำร้ายร่างกายมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง บังคับใช้งานเยี่ยงทาส อ้างบุญคุณ แน่นอนพอเรื่องนี้เป็นข่าวก็เกิดทัวร์ลงที่ร้าน แต่พอไปถามกับนายจ้าง กลับได้คำตอบสวนทางกับผู้เสียหาย

เริ่มกันที่ หญิงสาวอายุ 21 ที่เป็นผู้เสียหาย ไปกับเพจสายไหมต้องรอด ร้องขอให้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ความเป็นธรรม โดยอ้างว่า ทำงานอยู่ที่ร้านครั้งแรก อายุ 16 ปี จากนั้นก็ลาออกแล้วกลับมาทำงานอีกครั้งตอนอายุ 17 ปี ตอนที่กลับมาทำงาน มีแค่ตัวเองคนเดียว ต้องทำงานทุกอย่างในร้าน ได้นอนแค่ 3-4 ชั่วโมง ต้องนอนในห้องครัว อาหารที่ให้กินมี 1 มื้อ เป็นข้าวกับไข่ ล่าสุดเพิ่งถูกทำร้ายต้นปี เพราะแอบกินเศษอาหารของลูกค้า ที่ผ่านมาก็ไม่เคยได้รับเงินค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว อย่างดีคือได้แต๊ะเอีย 50 บาท เท่านั้น

และยังเล่าว่า ถูกทำร้ายร่างกายสารพัด ทั้งโดนสาดน้ำร้อน ถูกจุดก๊าซกระป๋องเผาปาก ใช้สายไฟรัดคอจนสลบ เตะแล้วรัดคอซ้ำ โดนจุดไฟเผาร่างกายและอวัยวะเพศ ใช้มีดฟันตามร่างกาย จนทำให้ทั้งร่างกายมีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ส่วนเหตุที่ต้องทนอยู่ เพราะถูกอ้างบุญคุณที่เคยได้รับการช่วยเหลือหลายเรื่อง และกลัวว่าเจ้าของร้านรู้จักกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ บอกว่า จะให้ตำรวจ สน.ภาษีเจริญ เร่งตรวจสอบและให้ความเป็นธรรม หากพบว่ากระทำผิดจริง ก็จะให้ออกหมายจับมาดำเนินคดีโดยเร็ว ส่วนการตรวจสอบประวัติของเจ้าของร้าน ไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลแต่อย่างใด

เรื่องนี้พอกลายเป็นข่าวออกไป ก็ทัวร์ลง มีคนเข้าไปแสดงความเห็นในเพจของทางร้าน หลายคนตั้งคำถามว่า ถ้าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ร้านก็ควรออกมาปฏิเสธ

ทีมข่าวลงพื้นที่ร้านอาหารที่เกิดเหตุ ย่านพุทธมนฑลสาย 1 พบมีตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และได้เจอกับเจ้าของร้าน ซึ่งเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเหมือนหนังคนละม้วน เริ่มจากที่ลูกจ้างลาออกจากงาน ตอนอายุ 16 ปี จริง ๆ แล้วตอนนั้นมีเรื่องลักทรัพย์ จึงให้ออกจากงาน แต่ที่รับกลับมาทำงานตอนอายุ 17 ปี เพราะอ้างว่า ถูกผู้ชายข่มขืนจนตั้งครรภ์ ด้วยความสงสารจึงช่วยดูแลจนคลอด และยังช่วยพาไปดำเนินคดีกับชายคนที่ก่อเหตุด้วย

ส่วนเด็กทารกที่เกิดมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ประเมินว่าไม่สามารถเลี้ยงดูเองได้ ประกอบกับเจ้าตัวกดดัน เด็กจึงไปอยู่ในความดูแลของมูลนิธิ ไม่รวมถึงช่วงหลัง ที่มีพฤติกรรมชอบขโมยเล็กขโมยน้อย ขออนุญาตพักในร้าน เพราะมีปัญหากับเพื่อนที่หอพัก แล้วพาผู้ชายมาอยู่ด้วย พอจะไล่ออกก็วิดีโอคอลมาหา พยายามทำร้ายตัวเอง ขู่ไม่ให้ไล่ออกหรือดำเนินคดี ส่วนบาดแผลตามร่างกาย ทราบว่าเกิดจากถูกกลุ่มบัญชีม้าทำร้ายร่างกาย และยืนยันมีอีกหลายเรื่อง ที่ลูกจ้างคนนี้พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ขณะผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับทั้ง 2 ฝ่าย อย่างผู้จัดการสถานที่ บอกว่า ตัวลูกจ้างเคยขโมยกินอาหารจริง ส่วนบาดแผลตามร่างกาย เจ้าตัวอ้างว่าเกิดจากการเล่นสเกตบอร์ดแล้วหกล้ม จึงเห็นว่าหากมีการทำร้ายร่างกายจริง ก็มีโอกาสถึง 90% ที่จะขอความช่วยเหลือได้

อดีตเพื่อนร่วมงาน และผู้ที่เคยพักอาศัยห้องเดียวกัน บอกว่า ลูกจ้างคนดังกล่าว มีนิสัยชอบโกหกเป็นประจำ ตอนตั้งครรภ์มาขอความช่วยเหลือ ทุกคนก็ช่วยดูแลกันเป็นอย่างดี ยืนยันว่าเรื่องที่นายจ้างเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริง ไม่เคยเห็นนายจ้างทำร้ายร่างกายลูกจ้างคนนี้แต่อย่างใด

ส่วนร้านอาหารใกล้เคียงที่มีข้อมูลว่า ลูกจ้างคนนี้เคยเข้าไปขโมยอาหารหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไร เพียงตักเตือนให้ปิดตู้เย็นให้เรียบร้อย ส่วนตัวไม่อยากให้ข้อมูลอะไรมาก เพราะไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่หากให้แสดงความเห็น ก็มองว่าทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ก็มีนิสัยพอ ๆ กัน กรณีนี้ต้องรอให้ตำรวจเข้าไปรวบรวมพยานหลักฐาน พิสูจน์ข้อเท็จจริงกันต่อไป

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark