ย้อนรอยคดี น้องชมพู่ จ.มุกดาหาร และเส้นทางชีวิตของ ลุงพล

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ผ่านมาแล้ว กว่า 3 ปี กับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ วันนี้เราจะพาไปย้อนรอยคดีนี้ และเส้นทางชีวิตของ ลุงพล ที่ชีวิตพลิกผันจากจำเลยในสังคม สู่คนดังในชั่วข้ามคืน จนถึงวันที่ศาลออกหมายจับ

กกกอก เดอะซีรีส์ กลับคืนจออีกครั้ง หลังจากช่วงดึกวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ศาลจังหวัดมุกดาหาร ออกหมายจับนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล จากคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ หลานสาว อายุ 3 ขวบ ทำให้คดีกลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง

เราจะย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 พบร่าง น้องชมพู่ บนเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร หลังหายออกจากบ้านเมื่อช่วง 3 วันก่อน โดยมีครอบครัว เพื่อนบ้าน และเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ระดมค้นหา 

ช่วงระหว่างวันที่ 15 - 20 พฤษภาคม 2563 มีผลการชันสูตร ถึง 2 ครั้ง ยืนยัน พบบาดแผลตามร่างกายและบริเวณอวัยวะเพศ แต่จากสภาพศพ ไม่สามารถตรวจคราบอสุจิในช่องคลอดได้ ก่อนที่ร่างของน้อง จะถูกนำไปประกอบพิธีฌาปนกิจบนเชิงตะกอน ภายในป่าช้าบ้านกกกอก

การเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาของ เด็กหญิง อายุ 3 ขวบ ทำให้ชื่อของสามีภรรยา ไชย์พล วิภา และ สมพร หลาบโพธิ์ หรือ ลุงพล-ป้าแต๋น กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน ดึงดูดทั้งนักปั้นดารา สื่อมวลชนทุกแขนง ไปจนถึงเหล่ายูทูบเบอร์ ตามติดชีวิตของทั้ง 2 คน จนมีแฟนคลับไปทั่วประเทศ เรื่องราวต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับ ลุงพลสร้างรายได้ให้กับยูทูบเบอร์ช่องต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะเกิดความขัดแย้งในเรื่องของผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ในคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน โดยได้มีการสอบปากคำ พยานบุคคล พยานผู้เกี่ยวข้อง และการสัมภาษณ์บุคคล จำนวน 384 ปาก โดยนำเข้าสำนวนการสอบสวน จำนวน 120 ปาก รวมถึงได้สอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ และพยานผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ไว้แล้วจำนวน 31 ปาก การรวบรวมพยานหลักฐาน เป็นพยานวัตถุ จากสถานที่เกิดเหตุ จุดที่น้องชมพู่ถูกนำตัวไป ตลอดจนพยานวัตถุ ที่จุดพบศพบนภูเหล็กไฟ รวมจำนวน 113 ชิ้น และพยานวัตถุจากกลุ่มบุคคลผู้ต้องสงสัยหรือผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 154 ตัวอย่าง โดยดำเนินการตรวจเปรียบเทียบกับพยานวัตถุ ที่จัดเก็บได้จากสถานที่เกิดเหตุและจุดพบศพ ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารและพยานส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจากข้อมูลโซเชียลมีเดีย ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ข้อมูลการให้สัมภาษณ์ ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลต้องสงสัย และผู้เกี่ยวข้อง ทั้งช่วงก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ไว้แล้ว และเพื่อให้คลายข้อกังขาของครอบครัวและสังคมในหลายประเด็น ทั้งเรื่องสรีระเด็กที่อายุแค่ 3 ขวบ แต่สามารถเดินเท้าได้ไกลถึง 2 กิโลเมตร และผู้ต้องสงสัยคนแรกก็คือ ลุงพล ก่อนนำไปสู่การเข้าตรวจค้นหาหลักฐาน ที่อาจมีความเชื่อมโยงไปถึงคดีนี้

วันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่ 2 ตุลาคม 2563 พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น แถลงยืนยัน ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงทำงานในพื้นที่ โดยสอบพยานกลุ่มเดิม แต่สอบเพิ่มในประเด็นที่ยังมีความคลุมเครือ เพื่อเตรียมนำส่งสำนวนไปยังอัยการ ส่วนกระแสข่าวว่าจะจับกุมคนร้ายในช่วงกลางเดือนนั้น ไม่เป็นความจริง แต่ทางตำรวจได้วางกรอบเวลาไว้ชัดเจน และไม่ยอมปล่อยให้คนผิดลอยนวล

ปี 2564 ลุงพล ที่ปฏิเสธมาโดยตลอด พร้อมเครือญาติ ถูกนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จ และประกาศชัดว่า หากจะโยนความผิด ก็ขอต่อสู่คดีจนถึงที่สุด

วันที่ 1 มิถุนายน ปีเดียวกัน ศาลจังหวัดมุกดาหารออกหมายจับ "ลุงพล" ใน 3 ข้อหาคือ 1.พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา 2.ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปี และ 3.กระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป และในวันถัดมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้พาตัวนายไชย์พล เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบตัว ก่อนจะถูกคุมตัวกลับไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร 

ส่วนป้าแต๋น ถูกแจ้งข้อหา กระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น และทั้ง 2 คน ได้รับการประกันตัวระหว่างต่อสู้คดี ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของสังคม ที่ต่างจับตาจุดสิ้นสุดในคดีนี้

มีรายงานว่า ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้แจ้งกับสื่อมวลชน ที่ไปเฝ้าติดตามการพิพากษาคดีน้องชมพู่ว่า การพิพากษาคดีน้องชมพู่ในวันพรุ่งนี้ ทางศาลฯ ขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาคดีออกไปเป็นช่วงปลายเดือนธันวาคม 2566 ซึ่งจะกำหนดวันอีกที ตามวันว่างของคู่ความ โดยทางศาลให้เหตุผลว่ากระบวนการตรวจร่างคำพิพากษาของสำนักงานอธิบดี ผู้พิพากษาภาค 4 ยังไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่จำขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป