ผู้ใหญ่บ้าน บุกยิงอดีตภรรยา ก่อนฆ่าตัวตาย จ.นครนายก

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ผู้ใหญ่บ้าน ที่จังหวัดนครนายก ตามยิงอดีตภรรยาถึงโรงเรียน หวังจบชีวิตคู่ด้วยกัน แต่พลาดสุดท้ายหนีกลับบ้าน และโทรสั่งเสียญาติ ก่อนยิงตัวเองเสียชีวิต

ที่เกิดเหตุอยู่ภายในโรงเรียน พื้นที่หมู่ 12 บ้านวังรี ตำบลเขาพระ อำเภอเมืองนครนายก คนร้ายที่ก่อเหตุชื่อนายประนอม อายุ 59 ปี เป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 และเป็นอดีตสามีของครูในโรงเรียน ได้ขับรถเก๋งมาจอดบนลานสนามหญ้าหน้าโรงเรียน และเดินถือปืนบุกเข้าไปหาอดีภรรยาที่อยู่ภายในอาคารเรียน ก่อนยิงใส่ 1 นัด แต่กระสุนถูกลูกกรงเหล็ก ทำให้วิถีกระสุนเปลี่ยน เป็นโอกาสให้อดีตภรรยาวิ่งหลบหนีไปอีกห้องที่ทะลุถึงกัน ส่วนอดีตสามีเดินกลับไปที่รถและขับออกจากโรงเรียนไป

ตำรวจ สภ.เมืองนครนายก เข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานต่าง ๆ ทั้งรอยล้อรถบนสนามหญ้าหน้าโรงเรียน รอยหัวกระสุนที่ยิงถูกกำแพงห้องเรียน ตลอดจนปลอกกระสุนปืน และวิทยุแจ้งชุดสืบสวนติดตามตัว โดยคาดว่าถ้าไม่กลับบ้านก็น่าจะหลบหนีไปบ้านญาติสนิท ที่จังหวัดปราจีนบุรี ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน เพื่อนตำรวจเพิ่งไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวและพูดคุยถึงเรื่องการซื้ออาวุธปืนกับผู้ก่อเหตุ เพราะเพิ่งได้รับใบอนุญาตให้ซื้อได้ เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้ยื่นขอออกใบอนุญาตให้มีหรือใช้อาวุธปืนแต่อย่างใด

ส่วนอดีตภรรยา ยังไม่พร้อมให้การ เพราะอยู่ในอาการตกใจ ตำรวจจึงพาตัวไปดูแลที่ สภ.เมืองนครนายก เพื่อความปลอดภัย

ขณะที่ เพื่อนครูด้วยกัน ระบุสาเหตุมาจากผู้ใหญ่บ้าน พยายามตามง้อขอคืนดีมานาน กว่า 5 เดือนแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง ครั้งนี้ดูจากพฤติกรรมแล้ว น่าจะตั้งใจมาก่อเหตุและจบชีวิตคู่ไปด้วยกัน

สำหรับผู้ก่อเหตุ ขณะหลบหนีได้โทรแจ้งญาติที่จังหวัดปราจีนบุรี ให้ไปรับศพตัวเองที่บ้านพัก ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จากนั้นก็ขาดการติดต่อ ญาติจึงรีบโทรแจ้งตำรวจ แต่กว่าจะไปถึงก็ไม่ทันแล้ว พบร่างนายประนอมใช้ปืนกระบอกเดียวกับที่ก่อเหตุจ่อยิงศีรษะตัวเองเสียชีวิตภายในบ้าน

เรื่องการครอบครองปืน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีระกูล ก็เพิ่งพูดมาเมื่อวานนี้ ว่า กรมการปกครอง กำลังเร่งร่าง พ.ร.บ.อาวุธปืนฉบับใหม่ ก่อนนำเสนอเข้า ครม. ในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ จากนั้นจะบรรจุเป็นวาระเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป รวมทั้งการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล ซึ่งกำลังติดตามพฤติกรรม ผู้ที่มีชื่อในบัญชีว่า จะความเคลื่อนไหวที่เป็นภัยต่อสังคมหรือไม่ โดยจะมีการใช้กฎหมายเข้าไปดำเนินคดี