ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

หมอกฤตไท เจ้าของเพจ สู้ดิวะ โพสต์อำลา

สนามข่าว 7 สี - ยังจำเรื่องราวของ นายแพทย์ กฤตไท หรือ คุณหมอไท หมอหนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ได้ไหม หลังจากเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว (2565) ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ตอนอายุ 28 ปี คนแห่ให้กำลังใจล้นหลาม ซึ่งคุณหมอก็รักษาตัว และอัปเดตอาการตนเองผ่านเพจ "สู้ดิวะ" ที่สร้างขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ ล่าสุด คุณหมอโพสต์อำลา สั่งเสีย บอกว่า คงอยู่ได้อีกไม่นาน

เล่าย้อนไปเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ปี 2565 นายแพทย์ กฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี หรือ หมอไท เจ้าของเพจ สู้ดิวะ ได้เผยอาการป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งเริ่มจากอาการไอบ่อย มีเสมหะ ไอแห้ง กระทั่งปวดหัว อ่อนเพลีย ผมร่วง และภูมิคุ้มกันต่ำ ทั้ง ๆ ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นนักบาสเกตบอลของคณะแพทย์ฯ ดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีภาวะเครียด

หลังคุณหมอเปิดเพจ "สู้ดิวะ" ก็ได้อัปเดตอาการป่วยมะเร็งปอด ระยะที่ 4 ที่มีการตอบสนองต่อการรักษา มะเร็งก้อนใหญ่ที่ปอดขวาเล็กลง ก้อนเล็กที่ปอดซ้ายหายไปหมด และก็ได้เขียนหนังสือขึ้นมา ใช้ชื่อเดียวกับเพจ แชร์ประสบการณ์ป่วยในครั้งนี้ และทุกอย่างก็เหมือนจะดี แต่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา คุณหมออาการไม่ค่อยดี มะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกาย
 
แล้วก็เป็นช่วงเดียวกับที่ นายแพทย์ กฤตไท ทำตามฝันได้ก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์กับ คุณพีม แฟนสาวแล้ว (22 ตุลาคมที่ผ่านมา) มีครอบครัว เพื่อนพ้อง คนที่รัก มาร่วมงาน บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น นายแพทย์ กฤตไท ร่วมเล่นดนตรี ร้องเพลงกับเจ้าสาว และเพื่อน ๆ ในงาน

ครอบครัวและเพื่อน ๆ ได้พูดความในใจถึงทั้งคู่ ขอยก 1 ประโยค ที่คุณพ่อของนายแพทย์ กฤตไท ได้พูดกับคุณหมอ และเจ้าสาวในงาน และคุณหมอก็แชร์ข้อความนี้ คุณพ่อพูดว่า "กว่าจะถึงวันนี้…สู้ เวลา คือ สิ่งที่พิสูจน์ว่าสองคนนี้รักกันแค่ไหน ลูกจ๋า เวลาคือสิ่งสำคัญ เป็นเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกัน และคนทั้งสองก็ใช้เวลาร่วมกันได้อย่างดีที่สุด"

แต่ล่าสุด ใครเห็นโพสต์นี้ก็ต้องเศร้า นายแพทย์ กฤตไท โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ร่ำลา สั่งเสีย "ผมคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้วครับ ใครมีอะไรอยากพูด อยากบอกผม เชิญได้เลยครับ ผมน่าจะไปช่วงกลางเดือนหน้า จากนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ ณ ตอนนี้ผมพิมพ์ได้เท่านี้ก็เอาละครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมาครับ ขอโทษ ถ้าผมทำให้ใครไม่พอใจ"

เพื่อน ๆ คนที่รัก และคนที่ติดตามอาการคุณหมอมาตลอด เข้าไปพิมพ์ให้กำลังใจกันเยอะมาก หมอไท ยังแชร์โพสต์แรกของเพจที่ออกมาเปิดเผยอาการป่วย และพิมพ์ข้อความว่า "จบเร็วกว่าที่คิดเนาะ" พร้อมอีโมชัน ชู 2 นิ้ว
 
ด้าน ชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจ จนแฮชแท็ก #สู้ดิวะ ขึ้นเทรนด์เอ็กซ์ประเทศไทย ขอบคุณเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน สร้างความตระหนักให้ระมัดระวังการใช้ชีวิตมากขึ้น อีกทั้งทำให้เห็นความสำคัญของการขับเคลื่อน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่ควรมี เพราะหลังเกิดเคสหมอไท หลายคนคาดการณ์ว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ หมอไท เป็นมะเร็งปอด อาจจะมาจาก PM2.5 ที่เชียงใหม่หรือไม่ เพราะค่าฝุ่นพุ่งสูงทุกปี

อาการป่วยมะเร็งที่ นายแพทย์ กฤตไท เผชิญอยู่ทั้งที่ดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย และไม่สูบบุหรี่ ทำให้ชาวเน็ตหลายคนอดคิดไม่ได้ว่า มลพิษทางอากาศ หรือ PM2.5 ในเขตภาคเหนือ อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งปอดหรือไม่ ซึ่งถ้าอ้างอิงจากรายงานโรคมะเร็งในประเทศไทย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ที่ผ่านมาพบคนไทยป่วยโรคมะเร็งเป็นอันดับต้น ๆ ทั้งปัจจัยพันธุกรรม อาหารการกินและสภาพแวดล้อมและมลภาวะ โดยเสียชีวิตแตะหลักแสนคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยผู้ชายป่วยมากสุด (อันดับ 1 มะเร็งตับและท่อน้ำดี รองลงมา มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ ต่อมลูกหมาก) ส่วนผู้หญิงป่วยมะเร็งเต้านมมากสุด

ซึ่งจากปัญหานี้ทำให้รัฐบาลได้สั่งการให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งทำร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด พ.ศ.... ((พ.ศ. ที่จุดๆๆ เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังไม่เกิดขึ้น)) เสนอเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งให้รัฐสภาพิจารณา ก็หวังว่าการมีกฎหมายอากาศสะอาดมาบังคับใช้ในประเทศจะช่วยให้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ดีขึ้นไม่กระทบต่อสุขภาพของประชาชน

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark