ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

อุทาหรณ์ หญิงอายุ 48 ปี ถูกหลอกให้ซื้อที่ดินใต้สายไฟฟ้าแรงสูง จ.นนทบุรี

สนามข่าว 7 สี - ข่าวนี้ต้องบอกก่อนว่า ท่านผู้ชมท่านใด มีความคิดจะซื้อที่ดิน เพื่อสร้างบ้าน หรือ มีโครงการ ต้องการที่จะซื้อบ้าน ควรคิดและพิจารณาและต้องไปดูสถานที่จริงว่าเป็นอย่างไร จะได้ไม่ถูกหลอก เหมือนกับสองข่าวนี้

อุทาหรณ์ หญิงอายุ 48 ปี ถูกหลอกให้ซื้อที่ดินใต้สายไฟฟ้าแรงสูง จ.นนทบุรี
นางมัทนา หรือ โอ๊ต อายุ 48 ปี ได้ซื้อที่ดินจากนายสุรพล ซึ่งมีเนื้อที่ดิน 3 งาน 79 ตารางวา ในตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ในราคา 920,000 บาท และได้มีการทำสัญญาซื้อขายกันเรียบร้อย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยหลังมีการทำสัญญาซื้อขายเสร็จสิ้น ทาง นางมัทนา เจ้าของที่ดินคนใหม่ก็ได้เริ่มลงทุนสั่งดินมาลง จ้างรถมาขุดมาปรับหน้าดิน ลงเสาเข็มเทคานล้อมรั้ว เพื่อที่จะปลูกบ้าน เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 300,000 บาท แต่ช่วงที่กำลังก่อสร้าง ก็มาสังเกตุเห็นว่าที่ดิน ที่ซื้ออยู่ใต้สายไฟฟ้าแรงสูง จึงได้ทำการสอบถามกับแม่และนายสุรพล ว่ามันสามารถสร้างบ้านได้หรอ แม่และนายสุรพล บอกว่า สร้างได้แต่ให้ขยับไปสร้างริม ๆ อีกฝั่งนึงที่อยู่ห่างจากสายไฟ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าได้เข้ามาบอกว่าพื้นที่นี้ไม่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างได้ เนื่องจากอยู่ใต้สายไฟฟ้าแรงดันสูงซึ่งอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตจากไฟฟ้าได้ พร้อมบอกว่าเจ้าของเดิมได้รับเงินค่ารอนสิทธิ์จากการไฟฟ้าไปแล้วนะ

จากนั้น นางนัทนา จึงได้โทรไปสอบถามกับนายสุรพล อ้างว่า ไฟฟ้าจะมาเอาเปรียบได้ยังไง เขาไม่ได้เป็นคนซื้อที่ดิน และก็มีโฉนดอยู่ หลังจากคุยกันไปสักระยะ พบว่านายสุรพล ยังมีที่ดินข้าง ๆ เหลืออยู่ จึงจะขอแลก แต่ นายสุรพล ก็เรียกเงินอีก 600,000 บาท นางมัทนา จึงเห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดเขึ้นเหมือนโดนเอาเปรียบ เพราะนายสุรพล ไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกว่า ที่ดินตรงนี้สร้างบ้านไม่ได้ พอขอเงินคืนก็ได้รับการปฏิเสธ และท้าทายว่าถ้าอยากได้คืนก็ให้ไปฟ้องเอา แถมขู่อีกด้วยว่าเดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะต้องเสียเงินมากกว่าเดิม เพราะเขาอ้างว่าพ่อเขาเป็นนายพลเก่าด้วย สรุปแล้วนางมัทนา เสียเงินไปกว่า 1 ล้านบาท และยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร กับที่ดินพื้นนี้ เพราะที่ซื้อมาตั้งใจจะสร้างบ้าน ทีนี้จะขายก็คงไม่มีใครซื้ออีก มีทางเดียวต้องไปพึ่งในกระบวนการของศาลเท่านั้นแล้ว

อุทาหรณ์ สามี-ภรรยา ถูกหลอกให้ซื้อบ้าน แต่ไม่มีทางเข้า-ออก จ.นนทบุรี
ข่าวที่ 2 เป็นกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความเตือนคนที่จะซื้อบ้าน โดยระบุว่า "เตือนคนที่กำลังคิดซื้อบ้านที่ใช้ทางเข้าออกร่วมกับคนอื่น ระวังโดนหลอกให้ซื้อ เพื่อเอาเงินแล้วปิดทาง ก่อนซื้อด้วยความที่ไว้ใจกัน เลยไม่ได้ทำข้อตกลงบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากซื้อไปแล้วก็โดนปิดทางเข้าออก สุดท้ายต้องยอมตัดใจทุบบ้านตัวเอง เพราะคืนหนึ่งลูกปวดท้อง จะพาไปโรงพยาบาล แต่เอารถยนต์ออกจากบ้านไม่ได้ เพราะถูกล็อกประตูรั้วหน้าบ้าน ทุกวันนี้เหนื่อยใจมาก ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง รถเข้าออกบ้านไม่ได้ ต้องจอดตากแดด ฝากไว้สำหรับคนที่คิดจะซื้อบ้าน ดูให้ดี เพราะอาจเหนื่อยกาย เหนื่อยใจ และหมดตัวได้"

ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามกับ นายอาทิตย์ หรือ โทน สุพรรณ และภรรยา สามีภรรยาผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเองได้ซื้อบ้านมาจากลุงชุบ และได้มีข้อตกลงกันว่า ลุงชุบจะต้องอนุญาตให้ใช้ทางร่วมกันไปจนถึงลูกหลาน เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาในอนาคต แต่ไม่ได้มีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร จากนั้นเมื่อตนเองซื้อบ้านมาแล้วได้มีการต่อเติม และรีโนเวทบ้าน ในแปลนเดิม และได้เริ่มมีปัญหาตั้งแต่แรก ๆ เพราะลุงชุบก็มีการต่อเติมบ้านเช่นกัน และได้มีการต่อหลังคายื่นออกมา และมีการปลูกต้นไม้ตลอดแนว จนทำให้ตนเองไม่สามารถจอดรถได้ จึงได้มีการเจรจากับลุงชุบหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล โดยลุงชุบอ้างว่าเป็นที่ของลุงชุบ และมีสิทธิ์ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตบ้านของตนเอง จนกระทั่งถึงวันที่ลูกปวดท้อง แล้วบ้านลุงเขาล็อกรั้วออกไปไหนไม่ได้ ตนเองต้องเอารถเล็กขับไปซื้อยามาให้ลูกกินก่อน แล้วรอตอนเช้าค่อยไปหาหมอ

นอกจากนี้ นายโทน สุพรรณ ยังบอกอีกว่าตนเองเสียใจอยากจะขายบ้านทิ้งในราคาถูก แต่ติดที่ลูกยังเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ เลยต้องจำใจที่จะอยู่ และหนีปัญหาด้วยการแก้ไขรีโนเวตบ้านตัวเอง ฝากถึงท่านใดที่กำลังจะซื้อบ้านมือหนึ่งหรือมือสอง ให้ดูเพื่อนบ้านและสังเกตว่าเป็นคนอัธยาศัยเป็นอย่างไร  และหากจะทำธุรกรรมอะไร อยากให้มีลายลักษณ์อักษร ทุกคนจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบตนเอง ขอฝากเอาไว้ให้เป็นอุทาหรณ์ คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ เพราะกฎหมายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ กฎหมายอาจจะไม่ยุติธรรม แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark