ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

ค้นโกดังย่านบางขุนเทียนซุกสินค้าของขบวนการหลอกเก็บเงินปลายทาง


ตำรวจไซเบอร์บุกค้นโกดังย่านบางขุนเทียน ซุกสินค้าจากขบวนการหลอกเก็บเงินปลายทาง เจอของกลางกว่า 30,000 ชิ้น

สินค้าหลอกเก็บเงิน วันนี้(28 พ.ย.2566) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. นำเจ้าหน้าที่ บช.สอท.สนธิกำลังกรมศุลกากร, บก.ตม.1 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ซ.สะแกงาม 14 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ

โดยที่เกิดเหตุเป็นโกดังสินค้าให้เช่าขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นเข้าตรวจสอบ พบนางอารียา อายุ 64 ปี และนายหยุน เฉิน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 27 พ.ย.2566 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จึงได้คุมตัวไว้ อีกทั้งได้คุมตัวบุคคลต่างด้าวกว่า 20 คน ขณะกำลังนั่งแพ็กสินค้า โดยตรวจสอบพบว่าบุคคลต่างด้าวทั้ง 20 คนบางส่วนมีหนังสือเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง บางส่วนไม่มีเอกสารยืนยันตัวบุคคล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางเป็นกล่องพัสดุและสินค้าจำนวนมากกว่า 3 หมื่นชิ้นจึงได้ทำการตรวจยึดไว้
    
พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านเว็บไซต์ https://www.thaipoliceonline.com พบว่า ประเภทคดีที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนมากที่สุดคือ หลอกขายของออนไลน์ โดยสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-31 ต.ค. มีการแจ้งความ 3.5 แสนราย เป็นเรื่องของการหลอกซื้อสินค้า 1.4 แสนราย ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการซื้อสินค้า พร้อมเร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวน กระทั่งพบว่ามีขบวนการหลอกเก็บเงินปลายทาง จึงได้ดำเนินการสืบสวนทราบว่าพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจากโกดังดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการ

ด้าน พล.ต.ต.นิพนธ์ บุญเกิด ผบก.สอท.2 กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวน พบว่าขบวนการนี้มี นายถูเซงเปียว อายุ 44 ปี ชาวจีน เป็นผู้เช่า ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว และจะใช้โกดังเป็นสถานที่แพ็กสินค้าใช้วิธีการเก็บสินค้าไว้ที่โกดัง โดยนำสินค้ามาครั้งละ 30,000 ชิ้น เพื่อให้คนงานแพ็กสินค้าและติดเทปกาว ก่อนขนย้ายเพื่อกระจายส่ง โดยเฉลี่ยแล้วในการส่งแต่ละครั้งจะมีการตีคืนพัสดุ 25,000 กล่อง ส่งสำเร็จ 5,000 กล่อง คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าความเสียหาย 1 ล้านบาท โดยทำมานานกว่า 1 ปี  ซึ่งก่อนหน้านี้มีใช้โกดังย่านบางกระดี่ ก่อนย้ายที่ตั้งมาที่โกดังแห่งนี้

ขณะที่ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. กล่าวว่า ขบวนการนี้สร้างความเสียหายให้กับประชาชน บางส่วนเข้าใจว่าตนเองไม่ได้สั่งสินค้าอะไรเลย แต่จู่ ๆ กลับมีสินค้ามาส่งที่บ้าน แต่ก็มีประชาชนบางกลุ่ม ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่เข้าใจไม่ทันระวังก็ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งวิธีการป้องกันมิจฉาชีพเหล่านี้คือ ถ้าเราไม่ได้สั่งสินค้าอะไรก็อย่าไปหลงเชื่อ หรืออีกกรณีถ้าไม่แน่ใจว่าได้สั่งหรือไม่ ให้ใช้วิธีอัดวิดีโอ เพื่อตรวจสอบว่าของตรงกับที่เราสั่งไปหรือไม่ ถ้าของตรงตามที่สั่งก็ถือว่าจบ แต่ถ้าไม่ตรงตามที่สั่งก็ให้ส่งหรือตีกลับ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด

ส่วนการจับกุมผู้ต้องหา แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1.ผู้ต้องหาทำหน้าที่เฝ้าโกดัง จำนวน 2 ราย ส่วนที่ 2 คนงานที่ทำงานอยู่ภายในโกดังประมาณกว่า 20 คน ตรวจสอบพบว่าไม่มีพาสปอร์ต 18 คน จึงแจ้งข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และส่วนที่ 3 คือบุคคลตามหมายจับ ซึ่งส่วนนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่าเป็นเจ้าของ หรือรับหน้าที่ในส่วนใดของขบวนการ

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark