ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ร.ต.อ. แจงกรณีนักท่องเที่ยวจีนใส่เครื่องแบบ

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ตำรวจในคลิปนักท่องเที่ยวจีน ที่กำลังเป็นอีกประเด็นฉาว เพราะเข้าใจว่าไปรับงาน VVIP เหมือนที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ ชี้แจงยืนยันว่า ไม่ได้รับงาน รับเงิน ดูแลนักท่องเที่ยวใด ๆ แค่อาสาพาไปส่งปากทางเข้า และไม่คิดว่าที่ถูกนำเสื้อไปถ่ายรูปเล่น จะเป็นประเด็นขนาดนี้

หลังจากที่เพจลุยจีน นำคลิปดังกล่าวมาเผยแพร่ พร้อมกับระบุข้อความว่า “นักท่องเที่ยวจีนโชว์เท่ห์ใส่ชุดตำรวจไทยถ่ายคลิปซอฟต์พาวเวอร์ ไทยสำหรับนักท่องเที่ยวจีน = ชุดตำรวจไทย แถมคลิปโพสต์เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา

เรื่องนี้ ร้อยตำรวจเอก ที่ปรากฎภาพในคลิป ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นักท่องเที่ยวชาวจีน 2 คน ที่มาใช้บริการซ้อมยิงปืน ที่สนามยิงปืนหลังกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กำลังจะเดินกลับไปหน้าสโมสรตำรวจ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เข้าไปใช้บริการประมาณ 1 กิโลเมตร ประกอบกับเห็นว่าเป็นเวลาประมาณ 17.00 น. และทั้งสองคนก็ไม่มีรถกลับออกไป จึงให้ขึ้นรถส่วนตัว เพื่อพาไปส่งที่ปากทางเข้า เพื่อให้เรียกรถแท็กซี่เดินทางต่อไปได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวรายนี้บังเอิญไปเห็นเสื้อของตนแขวนอยู่ในรถ จึงเอาไปใส่เพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึก โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นจะนำไปโพสต์อะไร แล้วทำไมถึงเกิดความเข้าใจผิด ยืนยันไม่ใช่การรับจ้างพานักท่องเที่ยวไปส่ง เหมือนที่เคยเป็นข่าวออกมาก่อนหน้านี้

ขณะที่ พลตำรวจตรี สมพร สัจพจน์ รองผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะโฆษกกองบัญชาการศึกษา เปิดเผยว่า ร้อยตำรวจเอกนายดังกล่าวได้รายงานชี้แจงข้อเท็จจริง ตามที่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็อาจไม่มีความผิดในทางอาญา แต่ในทางวินัยที่มีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างมาก คงมีความผิดอยู่บ้าง ต้องรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการก่อน คาดว่าจะทราบผลไม่เกิน 15 วัน จากนั้นจะรายงานผลให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติทราบ เพราะเป็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจ

สำหรับการใช้สถานที่ฝึกยิงปืน ยืนยันว่าคนที่จะเข้าไปใช้สถานที่ได้ ต้องเป็นคนที่ได้รับอนุญาต ซึ่งนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถแวะไปเยี่ยมชมได้ เพราะพื้นที่บริเวณนั้นเป็นศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาของตำรวจ ที่มีภาคเอกชนมีส่วนเข้าไปดูแลด้วย แต่หากนักท่องเที่ยวต้องการจะฝึกซ้อมยิงปืน ต้องดูเป็นรายกรณี ๆ ไป ไม่สามารถให้ใครก็ได้ เดินเข้าไปแล้วฝึกซ้อมยิงปืนได้ทันที อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้น ได้มีการกำชับให้ตำรวจทุกหน่วยงานระมัดระวัง ทำตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ให้เกิดเหตุลักษณะเช่นนี้อีก

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark