ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

สืบ 1 เดือน ตามจับเพิ่ม แก๊งยิง นศ.อุเทนฯ-ครูเจี๊ยบ

ห้องข่าวภาคเที่ยง - 1 เดือน กับอีก 1 สัปดาห์ เป็นเวลาทั้งหมดที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ตามรวบรวมพยานหลักฐาน นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ คนร้ายบุกยิง "นักศึกษาอุเทนถวาย" ที่เดินอยู่ริมถนน แล้วกระสุนพลาดไปถูก "ครูเจี๊ยบ" เสียชีวิต จนมาถึงวันนี้ที่ตำรวจเปิดปฏิบัติการเงียบ ใช้กำลังกว่า 150 นาย ไปติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่เกี่ยวข้อง ก่อนอื่นเรามาไล่เรียงดูกันก่อนว่าตลอดกว่า 1 เดือน ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมา

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เวลาประมาณ 09.30 น. คนร้ายเป็นวัยรุ่นชาย 2 คน คนหนึ่งขี่รถรถจักรยานยนต์ ส่วนอีกคนเป็นคนลงมือยิง เป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาย นักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่กำลังเดินอยู่หน้าธนาคารทหารไทย ธนชาติ ใกล้เคียงโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ถนนสุนทรโกษา ย่านคลองเตย กระสุนนัดแรก "น้องหยอด" นักศึกษาที่เป็นเป้าหมายหลบได้ ทำให้พลาดเป้าไปถูก "ครูเจี๊ยบ" ครูสอนคอมพิวเตอร์ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ ที่กำลังจะเดินไปกดเงินที่ธนาคาร ก่อนไปสอนพิเศษให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียน เสียชีวิต ส่วน "น้องหยอด" ได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน เจ้าหน้าที่ได้เข้ายื้อชีวิต นำตัวส่งโรงพยาบาลทันที

จากนั้นตำรวจก็พาตัวเพื่อน และเชิญรุ่นพี่ ไปให้ปากคำ ทั้งหมดยืนยันว่า "น้องหยอด" เพิ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน ก่อนเกิดเหตุกำลังจะไปทำซุ้มรับปริญญาให้กับรุ่นพี่ที่กำลังจะจบการศึกษา เป็นเด็กเรียนดี ไม่มีศัตรู คู่ขัดแย้งกับใคร เช่นเดียวกับครอบครัวยืนยันแบบนี้เช่นกัน

ตำรวจเร่งแกะรอยสืบสวนควานหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุทันที เป้าหมายหลักมี 2 คน คือ นายเลาะ และ นายวิน คนยิงและคนขี่รถจักรยานยนต์พาไปก่อเหตุ แต่ก็ไม่ง่าย เพราะข้อมูลการสืบสวนที่รวบรวมได้ คนร้ายเตรียมการมาเป็นอย่างดี หลังเกิดเหตุขี่รถวนเวียนไปมาในหลายเส้นทาง เพื่อสับขาหลอกให้เจ้าหน้าที่สับสน ป้ายทะเบียนรถที่ติดอยู่ท้ายรถ ก็เป็นป้ายทะเบียนรถคันอื่น มีการเปลี่ยนสีรถ และอำพรางขับหนีออกไปทางต่างจังหวัด ถึงขั้นที่ตำรวจยอมรับว่า จับกุมไม่ง่าย แต่ตำรวจก็ไม่อยู่เฉย มีการขยายผลสืบสวนออกไป จนเริ่มจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 ตำรวจเปิดปฏิบัติการเงียบครั้งแรก นำหมายศาลเข้าตรวจค้น 5 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ และนนทบุรี จับกุมเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง 9 คน ของกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุไปสอบปากคำ ถ้าเป็นการคุยกันนอกรอบยังพอได้ข้อมูลอยู่บ้าง แต่พอเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ทั้งหมดให้การปฏิเสธ ยืนยันเสียงแข็งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ละคนไม่มีท่าทีกังวลใด ๆ เพราะรุ่นพี่ตามไปเยี่ยมที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ บอกว่าจะช่วยประกันตัวให้ แต่สุดท้ายหลังตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังความผิดฐาน "ซ่องโจร" ศาลอาญากรุงเทพใต้ ไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง ผู้ต้องหากระทำเป็นขบวนการ มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง และมีโอกาสหลบหนี

ข้อมูลสุดท้ายที่เปิดเผยมาจากตำรวจ เป็นภาพของผู้ต้องหา 3 คน ชื่อ นายอนาวิน แก้วเก็บ คนที่ก่อเหตุใช้ปืนยิง, นายอับดุลเลาะ ดือราแม คนขี่รถจักรยานยนต์พาคนไปยิง และ นายนภวุฒิ เรืองศรี เป็นคนชี้เป้า พร้อมกับการยืนยันลักษณะการรวมกลุ่มที่ตำรวจใช้คำว่า "องค์กรอาชญากรรมขนาดเล็ก"

เป็นเพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้ ไม่ได้มีสถานภาพเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เพียงแค่เคยสมัครเรียนไว้ แต่ตอนเปิดภาคเรียนจนถึงครบกำหนด ไม่เคยเข้าเรียนแม้แต่ครั้งเดียว เหมือนต้องการเพียงแค่ให้ตนเองมีสถานการเป็นนักศึกษาเท่านั้น แล้วเวลาส่วนใหญ่ ก็เอาไปเข้าค่ายเก็บตัวในเซฟเฮ้าส์ที่ย่านวงศ์สว่าง จัดเวรหมุนเวียน เฝ้าสถานที่ มีภาพของนักศึกษาที่เสียชีวิตแขวนไว้ เพื่อปลุกใจว่าต้องล้างแค้นเอาคืนอีกฝ่ายให้ได้ แล้วพอทำสำเร็จก็จะชื่นชมกัน มีการลงขันให้คนกลุ่มนี้ไปก่อเหตุ จนตำรวจพบข้อมูลว่ามีคนที่เกี่ยวข้องอยู่ประมาณ 80 กว่าคน แต่ตอนนั้นยังไม่สรุปว่าทั้งหมด มีส่วนร่วมกระทำผิดหรือไม่

ส่วนความสูญเสียที่เกิดขึ้น แน่นอน "ครูเจี๊ยบ" เป็นคนแรกที่ต้องเสียชีวิตไป โดยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรแม้แต่น้อย คนต่อมา "น้องหยอด" เสียชีวิตหลังรักษาตัวต่อเนื่องอยู่นานกว่า 9 วัน ครอบครัวของทั้งสอง ตั้งคำถามอยากให้ตำรวจช่วยทวงคืนความเป็นธรรมให้ ไม่ขออโหสิกรรมให้คนก่อเหตุ

กระทั่งเช้าวันนี้ ตำรวจเปิดปฏิบัติการเงียบครั้งที่ 2 ระดมกำลังตำรวจกว่า 150 นาย ลงพื้นที่ 14 จุด เป้าหมาย จับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้อีกอย่างน้อย ๆ 11 คน มาสอบสวน และในจำนวนนี้ก็มีผู้ต้องหาที่ถูกศาลออกหมายจับรวมอยู่ด้วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark