ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

โฆษกรัฐบาล ลั่น รัฐบาลจะไม่หยุด ขอเดินหน้าผลักดันค่าแรงขั้นต่ำต้องเพิ่มอีก หลัง ไตรภาคี คงอัตราขึ้นค


“ไตรภาคี” ไม่หวั่นไหว คงอัตราขึ้นค่าจ้างตามเดิม  “รัฐบาล” ไม่ท้อเดินหน้าดันค่าแรงเพิ่ม แนะผู้ประกอบการต้องปรับตัว ไม่ใช่แรงงานแบกรับภาระ

วันนี้ (21ธ.ค.66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดไตรภาคี) มีมติเห็นชอบปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 67 ตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ไปก่อน ว่า ถือเป็นเอกสิทธิ รัฐบาลไปแทรกแซงไม่ได้ แต่รัฐบาลจะไม่หยุดแสดงความคิดเห็น หรือโน้มน้าว เพราะเรื่องแบบนี้สามารถจะพูดคุยกันได้ เพราะไม่มีข้อจำกัดว่าปีหนึ่งขึ้นค่าแรงเพียงครั้งเดียว ยังถือว่าโอกาสมีอยู่เสมอ

นายชัย ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นไปตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง เคยระบุไว้ว่า  ไม่เห็นด้วยในการขึ้นค่าแรง 2 บาท ใน 3 จังหวัดภาคใต้ แม้แต่ไข่ไก่ ไข่ต้มครึ่งฟองยังซื้อไม่ได้เลย ส่วนตัวเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีจะไม่หยุดแค่นี้ คงจะมีการขับเคลื่อนต่อ ซึ่งไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว  คณะรัฐมนตรีก็เห็นคล้อยตามนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เพราะค่าแรงขั้นต่ำของไทยเกินกว่าตัวเลขที่ศึกษาวิจัย ว่า คนหนึ่งคน เวลาทำงานมีครอบครัว มีลูกหนึ่งคน ขั้นต่ำหนึ่งวันต้องมีรายได้ 560 บาทต่อวัน แต่ค่าแรงกลับห่างไกลมาก จึงเกิดปัญหาทำงานล่วงเวลา (โอที) ทั้งพ่อและแม่ จนไม่มีเวลาดูลูก และ นำมาซึ่งปัญหาสังคม

นายชัย  กล่าวว่า เข้าใจศักยภาพภาคธุรกิจไทย ถ้าบอกว่าค่าจ้างสูงกว่านี้ไม่ไหว แปลว่าต้องทบทวนศักยภาพธุรกิจที่ไม่มีความสามารถพอ ที่จะทำธุรกิจและสร้างรายได้ มากพอที่จะดูแลคนทำงานได้อย่างมีความสุข ดังนั้นภาคธุรกิจต้องปรับตัว โดยจะมาบอกว่า ทำได้เท่านี้และให้แรงงานมาเสียสละ ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง 

ส่วนจะเป็นการผลักผู้ประกอบการ ให้ย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า หากย้ายฐานการผลิตก็จะเกิดช่องว่างของตลาด คนที่อยู่ในนี้ก็จะเข้ามาแทนที่ และ ต่างประเทศก็จะเจอปัญหาเช่นกัน  พร้อมย้ำว่า ธุรกิจทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่าแรงเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของเส้นทางคมนาคมขนส่ง ความเสถียรของไฟฟ้า และ ยังมีปัจจัยอื่นอีกมาก ส่วนตัวจึงไม่ห่วง เพราะหากถอยออกไปก็จะมีคนที่อยู่ได้ และ มีการขยายตัวเข้ามาแทนที่

“บางครั้งสื่อจะนำเสนอทำนองว่า นายจ้างอยู่ไม่ได้และจะมีการย้ายฐานการผลิต ซึ่งสามารถทำได้ เพราะหากย้ายไปตลาดก็ไม่หายไป ตลาดที่เคยค้าขายอยู่ยังมีช่องว่าง และยังมีผู้เล่นที่จะขยายเข้ามากินตลาดนี้ ดังนั้น ประเทศไม่เสียหาย จึงขออย่าห่วง สุดท้ายจะถูกคัดคนไม่มีคุณภาพออกไป ซึ่งประเทศอื่นที่เจริญแล้ว จ่ายค่าแรงหลายพันบาท ทำไมถึงจ่ายได้ เพราะว่า เขามีผู้ประกอบการที่มีความสามารถเช่นประเทศมาเลเซีย และสิงค์โปร์ แล้วทำไมธุรกิจถึงไม่เจ๊ง ซึ่งขอถามกลับ” นายชัย กล่าว

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark