ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ภรรยานายทหารขับรถชนร้านอาหาร ไม่จ่ายค่าชดเชย

เจาะประเด็นข่าว 7HD - วันนี้มีผู้เสียหายไปร้องกับเพจสายไหมต้องรอด ให้ช่วยเหลือ เรื่องมันมีอยู่ว่ามีภรรยานายทหารขับรถหรู แล้วเกิดเสียหลังพุ่งชนกวาดหน้าร้านอาหารญี่ปุ่น ในพื้นที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี บอกจะจ่ายเงินชดใช้ให้ แต่ผ่านมา 1 เดือนก็เงียบ 

ภรรยานายทหารขับรถชนร้านอาหาร ไม่จ่ายค่าชดเชย
ในภาพจนเห็นรถ BMW ซีรีส์ 7 ขับมาด้วยความเร็วแล้วเกิดเสียหลักพุ่งชนกวาดหน้าร้านฯ ทั้งกระจก ผนังปูน และทรัพย์สินในร้านเสียหายไปทั้งแถบ เหตุเกิดวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

นางสาวสุภาสดี อายุ 40 ปี เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่น เล่าว่า เหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. หลังเกิดเหตุมีทหารอากาศยศจ่ามาเจรจา โดยบอกว่าคนขับรถเป็นภรรยานายทหารชั้นผู้ใหญ่ สังกัดโรงเรียนการบิน กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม และขอร้องว่าอย่าเอาเรื่อง จะชดใช้ค่าเสียหายให้ทั้งหมด จากนั้นก็ได้ตกลงเจรจากัน โดยผู้เสียหายเรียกร้องให้มีการซ่อมแซมร้านที่เสียหาย และจ่ายเงินชดเชยที่ไม่สามารถเปิดร้านได้เป็นเงินอีก 240,000 บาท ผู้ก่อเหตุก็ยินยอม ส่งช่างมาซ่อมแซมร้านเป็นเวลา 20 วันจนแล้วเสร็จ และจ่ายเงินชดเชยมาให้ 50,000 บาท จากนั้นก็เงียบหายไป จนผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้ว เงินที่เหลืออีก 190,000 บาท ก็ยังไม่ได้รับ

พอสอบถามตำรวจที่รับผิดชอบคดี ก็ได้คำตอบว่าให้ไปฟ้องร้องกันเอาเอง ไม่ได้เป็นคนกลางช่วยเจรจา พอขอข้อมูลของผู้ก่อเหตุ ตำรวจกลับบอกว่าเอกสารหาย หมายเลขโทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้

ด้าน นายเอกภพ บอกว่า คดีนี้ไม่ได้ซับซ้อน เพียงแต่ผู้ก่อเหตุชดใช้ค่าเสียหายตามความเหมาะสมที่ผู้เสียหายเรียกร้อง เรื่องทุกอย่างก็จบ แต่ผู้ก่อเหตุกลับไม่ทำตามสัญญา จึงฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาโรงเรียนการบิน กำแพงแสนด้วย ให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วนตำรวจจะประสานไปยังผู้กับการ สภ.หนองขาว เพื่อตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น

ร้องช่วยแม่ผ่าแค่ต้อกระจก กลับเสียดวงตา
อีกเคสที่ไปขอความช่วยเหลือ เป็นผู้เสียหายพาแม่ไปผ่าตัดต้อกระจก แต่หมอรักษาผิดพลาดจนติดเชื้อรุนแรง ต้องควักลูกตาทิ้ง ทำให้แม่ตาบอดข้างซ้าย

โดยผู้เสียหายเล่าว่า เหตุนี้เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม่มีอาการมัว มองเห็นไม่ชัดจึงพาไปตรวจที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จังหวัดราชบุรี แพทย์ผู้ตรวจก็บอกว่าเป็นต้อกระจกที่ตาซ้าย จึงได้เสนอแพ็กเกจการผ่าตัดต่าง ๆ จึงเลือกที่จะจ่ายเงิน 29,000 บาท และไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม หลังผ่าตัดสังเกตตาของแม่ มีรอยแดงคล้ายเลือดออกในตา แต่หมอบอกว่าเป็นอาการปกติหลังผ่าตัด แต่พอไปตรวจตามนัด หมอกลับบอกว่าตาแม่ติดเชื้อ ต้องไปรักษาด่วนที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว

ถึงได้มีการนัดจากแพทย์คนดังกล่าวว่าให้ไปรับยาฆ่าเชื้อในวันที่ 23 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลที่ตนทำงานอยู่ เพราะตนและแพทย์คนดังกล่าวนั้นทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งเดียวกัน แต่พอไปถึงกลับไม่ได้ให้ยาดังกล่าวมีแต่การเขียนใบบันทึกข้อความและบอกให้ตนนั้นรีบพาไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้านแพ้ว พอตนและแม่ได้ไปถึงโรงพยาบาลดังกล่าวก็ได้ผ่าตัดในวันนั้นเลย

โดยภายหลังการผ่าตัดตาอีกรอบในวันรุ่งขึ้น ตาสองข้างนั้นแทบจะไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะการอักเสบนั้นบวมไม่สามารถไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งแพทย์ได้ส่งสัญญาณมาให้ตนแล้วว่าการอักเสบในครั้งนี้นั้นอาจจะต้องมีการควักลูกตาออก ซึ่งแพทย์พูดรักษานั้นได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถแล้ว

แล้วก็ควักลูกตาออกเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา ตอนนี้ตาข้างซ้ายของแม่ไม่มีลูกตาเป็นลูกตาปลอม หลังเกิดเหตุแพทย์เป็นคนที่ทราบคนแรกว่าติดเชื้อ แต่ทางแพทย์ไม่ได้กลับไม่ได้แจ้งโรงพยาบาลว่ามีการติดเชื้อ ตนมีข้อสงสัยเพราะว่า การติดเชื้อมันเป็นการติดเชื้อภายใน 7 วันหลังการผ่าตัด จึงไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ทางศูนย์ดำรงธรรมส่งเรื่องไปให้สาธารณสุขจังหวัด พบข้อบกพร่องหลายอย่าง แต่สรุปว่า ห้องผ่าตัดได้มาตรฐาน โดยแพทย์ไม่เคยโทรศัพท์มาสอบถามอาการของคนไข้เลย อ้างว่าไม่สามารถหาเบอร์ของโทรศัพท์ของตนได้ ทั้งที่ตนทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นบุคลากรทางการแพทย์เช่นเดียวกัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา  ตนได้พบกับแพทย์ผู้รับทำการผ่าตัดโดยมีรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล และหัวหน้าแผนกศูนย์คุณภาพ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่า จะแสดงความรับผิดชอบ ดำเนินการให้แม่ได้โดยใส่ตาปลอม ขอระยะเวลา 6 เดือน แต่พอครบ 6 เดือน กลับไม่มีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ เหมือนเรื่องไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตนจึงได้ประสานกับพยาบาลที่ตนรู้จักผู้เป็นคนประสานได้แจ้งว่าได้คุยกับแพทย์ผู้ผ่าตัดหลายครั้ง ได้คำตอบว่า ให้รอประกันสรุป ทำให้ยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ตนคิดว่าฝ่ายแพทย์คงไม่ดำเนินการตามข้อตกลงแน่ ๆ สุดท้ายเรื่องเงียบ จึงมาขอร้องความเป็นธรรมกับทางเพจสายไหมต้องรอด แต่กรณีนี้ตนยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด อยากกล่าวถึงแพทย์สภาว่า ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังแพทยสภาถึงมาตรฐานการรักษาคุณธรรมจริยธรรมของแพทย์ท่านนี้ ขอให้ท่านตัดสินและชี้ขาดตามกระบวนการยุติธรรมให้มีความเป็นธรรมแก่ครอบครัวด้วย

ด้าน นายเอกภพ กล่าวว่า เอกสารของผู้เสียหายได้มีการร้องเรียนในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ขอฝากถึงแพทย์สภา สาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ให้ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งนี้อาม่าผู้เป็นฝ่ายสูญเสียดวงตาควรได้รับการเยียวยาที่สมเหตุสมผล 

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark