ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

นายกฯ ห่วงมหาวิทยาลัยไทย อันดับต่ำกว่าเพื่อนบ้าน


เร่งยกระดับการศึกษา นายกฯ ห่วงมหาวิทยาลัยไทย อันดับต่ำกว่าเพื่อนบ้าน ย้ำต้องปรับหลักสูตรให้ทันสมัย แบ่งงานครูอาจารย์ให้ถูกจุด บางคนไม่ถนัดสอน ถนัดทำวิจัย เชื่ออนาคตสร้างยูนิคอร์นที่โตระดับโลกได้

วันนี้ (5 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุมว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและยกระดับการศึกษา ซึ่งเป็นพื้นฐานหลักในการเสริมสร้างแรงงานที่มีมีทักษะสูง สามารถสนองตอบแทนตลาดแรงงานในปัจจุบันได้ ยกระดับรายได้ให้สูงขึ้น สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศได้สูงขึ้น และเพิ่มขีดความสามารถให้ประเทศ

รัฐบาลมีแนวทางในการขับเคลื่อนด้านอุดมศึกษา หลังจากที่ได้บินไปต่างประเทศพบปะนักลงทุนนานาประเทศ เช่น จีน สิงคโปร์ ซาอุดีอาระเบีย พบว่าปัจจัยหลักในการลงทุนก็คือทักษะของแรงงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องการแรงงานที่มีมีทักษะสูง ซึ่งจะเป็นคำถามแรกๆ แต่ในขณะที่แรงงานไทยมีปัญหาในช่องว่างของทักษะ หรือแรงงานที่ไม่สามารถทำงานได้ตามความคาดหวังของนายจ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์

“จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัย 2022-2023 มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และหลายประเทศในอาเซียน ซึ่งตนค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องนี้ และหวังจะเห็นมหาวิทยาลัยไทยให้ความร่วมมือในการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น หลักสูตรการเรียนการสอน ควรปรับปรุงให้ทันสมัย มีมาตรฐาน และตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานยุคใหม่ และเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชน และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ เพื่อยกระดับมหาวิทยาลัยไทยให้ทัดเทียมกับระดับนานาชาติ” นายเศรษฐากล่าว

นายกฯ กล่าวด้วยว่า คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา จำเป็นต้องเพิ่มพูนองค์ความรู้ในการสอนเช่นเดียวกัน โดยผู้สอนต้องให้ความสำคัญกับนิสิต นักศึกษาเป็นหลัก เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์อย่างเต็มที่ ทราบมาว่าอาจารย์บางคน อาจจะไม่ถนัดการสอน แต่ถนัดงานด้านวิจัยที่มีความสามารถ จึงอยากให้จัดสายงานอาชีพให้มีความเหมาะสมกับคนเก่งเหล่านี้ 

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยควรปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทันสมัย เพื่อให้นิสิตศึกษาได้ใช้ รวมถึงการบ่มเพาะให้นักศึกษาเกิดความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยี และโปรแกรมขั้นสูงต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงาน

ในโลกปัจจุบันหนึ่งในธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้ ก็คือธุรกิจกลุ่ม Start Up ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ และองค์ความรู้ เชิงลึก หากมหาวิทยาลัยสามารถบ่มเพาะให้กับนักศึกษาได้ เชื่อว่าในอนาคตจะก่อให้เกิดผู้ประกอบการ Start Up ที่มีศักยภาพสูงของประเทศไทยอีกมาก และเชื่อว่าประเทศไทยจะมียูนิคอร์นที่โตระดับโลกได้ โดยยูนิคอร์นเหล่านั้นกำลังรอคอยที่จะถูกค้นพบในมหาวิทยาลัย ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนในการนำนักลงทุน มาเจอกับว่าที่ยูนิคอร์น เหล่านี้โดยใช้กลไกที่แถลงไว้

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark