ผัว-เมียทหารทะเลาะกันบนรถ ชักปืนยิงดับคู่ จ.นนทบุรี

เช้านี้ที่หมอชิต - สามีและภรรยาเป็นทหารยศสูง ขับรถกระบะกลับบ้าน เกิดทะเลาะกัน สามีชักปืนยิงภรรยาเสียชีวิต ก่อนยิงตัวเองตายตาม คาดปมหึงหวง ด้วยอายุห่างกันหลายปี แถมภรรยาหน้าตาสวย

ผัว-เมียทหารทะเลาะกันบนรถ ชักปืนยิงดับคู่ จ.นนทบุรี
ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ เข้าตรวจสอบรถกระบะ สภาพเกยทางเท้าเบียดชิดกำแพงบ้าน ภายในชุมชนประชานิเวศน์ 2 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ช่วง 17.00 น.ของเมื่อวาน

เมื่อเปิดประตูฝั่งคนขับ พบร่าง พันโทหญิงปาลิตา อายุ 43 ปี ใส่ชุดยูนิฟอร์มข้าราชการทหาร ถูกยิงที่ลำคอและใต้คางข้างขวา ส่วนที่นั่งข้างคนขับ พบร่าง นาวาอากาศตรีสุรเดช อายุ 57 ปี ถูกยิงขมับซ้ายทะลุขมับขวา 1 นัด

แม่เผย นาทีลั่นไกมรณะ คาดปมหึงหวง จ.นนทบุรี
แม่พันโทหญิง เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ลูกสาวโทรมาบอกกำลังขับรถเข้ามาในซอยดังกล่าว ระหว่างคุยกันได้ยินเสียงลูกสาวกับลูกเขยทะเลาะกัน จึงออกมารอหน้าบ้าน จังหวะลูกสาวขับรถถอยหลังจะเข้าบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังภายในรถ 1 นัด เดินออกไปดูเห็นรถชนกำแพง รีบไปดูฝั่งคนนั่งข้างได้ยินเสียงปืนดังอีกนัด

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้งสองราย เป็นสามีภรรยากันมาหลายปี ไม่มีลูก แต่มักทะเลาะกัน สาเหตุยิงครั้งนี้คาดว่าลูกเขยหึงหวงลูกสาว เพราะหน้าตาสวย และอายุห่างกันหลายปี

พ่อเผย มีลางสังหรณ์ลูกจะถูกยิง เคยเตือนระวังตัว จ.นนทบุรี
ขณะที่ พ่อพันโทหญิง บอกว่า อยู่บ้านคนละหลังกัน คุยกับลูกสาวครั้งสุดท้ายคือวันปีใหม่ที่ผ่านมา ลูกส่งข้อความมาอวยพร โดยลูกเขยเป็นคนขี้หึง เคยมีครอบครัวแล้วเลิก ก่อนมาอยู่กินกับลูกสาวและจดทะเบียนสมรส ตนมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้สักวัน เคยเตือนลูกให้ระวัง เนื่องจากความคิดคนมันเปลี่ยนทุกนาที

ด้าน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เผยว่า ผลตรวจค้นในรถกระบะ พบอาวุธปืน 9 มม. บริเวณเกียร์รถ มีกระสุนบรรจุคาในรังเพลิง 1 นัด และในแม็กกาซีน 4 นัด โดยมีการใช้ก่อเหตุจำนวน 2 นัด

นอกจากนี้ พบกระเป๋าสะพายสีดำ ใส่ลูกปืนขนาด 9 มม. อีก 1 แม็ก พร้อมกระสุนปืนยังไม่บรรจุกว่า 10 นัด ส่วนบริเวณกำแพงบ้านพันโทหญิง พบรอยกระสุนปืน 1 นัด

จากการสอบสวนคาดฝ่ายชายยิงภรรยา ก่อนยิงตัวเองตายตาม เนื่องจากแม่ฝ่ายภรรยา เห็นปืนในมือของฝ่ายชาย ปมเหตุมาจากความหึงหวง ฝ่ายหญิงสังกัดทหารบก ฝ่ายชายสังกัดทหารอากาศ

เบื้องต้นส่งทั้งสองศพไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต