ขอความเป็นธรรมให้ลูกวัย 3 เดือนเสียชีวิต รอการรักษานาน 8 ชม.

พ่อแม่ใจสลายร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกน้อยวัย 3 เดือนเสียชีวิต หมอวินิจฉัยผิด อาการหนักแต่ต้องรอการรักษานาน 8 ชม. เสียดายไม่ได้ชันสูตร

ความคืบหน้าทารก 3 เดือนเสียชีวิต วันนี้ (16 ม.ค.67)พ่อแม่ใจสลาย เข้าร้องทุกข์กับ ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ขอความช่วยเหลือทางกฎหมายกรณีลูกน้อยวัย 3 เดือน ป่วยเข้าโรงพยาบาล แต่ต้องรอนานเกือบ 8 ชั่วโมง โดยไม่ได้รับการรักษา แถมแพทย์วินิจฉัยพลาด อาการทรุด จนเสียชีวิต

แม่ของเด็กผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อวันที่ 10 ม.ค.67 ลูกสาววัย 3 เดือน มีอาการป่วย ไม่ยอมดื่มนม หายใจผิดปกติ ร้องไม่หยุด จึงรีบพาไปโรงพยาบาล แต่ก็เกิดความล่าช้าตั้งแต่ขั้นตอนการรับคิว ระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาล แม้จะแจ้งว่าน้องป่วยอาการหนัก แต่พยาบาลบอกให้รอก่อน เมื่อเข้าพบแพทย์ก็ได้รับวินิจฉัยผิดพลาด บอกว่าน้องเป็นโรคโคลิก (ภาวะที่ทารกมีอาการร้องไห้อย่างรุนแรงมากกว่าปกติ) รักษาได้ด้วยการอุ้ม

“แม่ร้องของให้หมอวินิจฉัยเพิ่มเติม พร้อมเปิดท้องเด็กให้ดูว่า น้องหายใจจนท้องยุบ ที่สำคัญน้องไม่ได้ดื่มนมมาเป็นเวลานาน แพทย์จึงส่งไปเอกซเรย์ กว่าจะได้แอดมิตใช้เวลานาน กระทั่งวันที่ 11 ม.ค.67 น้องได้เสียชีวิตลง แม่จึงอยากให้โรงพยาบาลแสดงความรับผิดชอบ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมาไม่มีคำขอโทษ บอกเพีนงว่าหากติดใจอะไร ต้องฟ้องร้อง และต้องชันสูตรศพเด็ก แต่แม่ทำใจไม่ได้ จึงได้ประกอบพิธีตามศาสนาไปตามปกติ”

ด้าน ดร. ธนกฤต กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่า โรงพยาบาลที่ให้การรักษา อยู่ภายใต้กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ติดต่อประสานงานกับผู้เสียหายแล้ว ล่าสุด นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว แต่รายละเอียดในส่วนระยะเวลาเสียชีวิตยังไม่ตรงกัน อยู่ระหว่างการหารือเรื่องของการเยียวยาผู้เสียหาย

ในส่วนของศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ฯ จะสนับสนุนตามที่ผู้เสียหายร้องขอ คือ อยากให้มีการดูแลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเคสเร่งด่วนให้รวดเร็ว เพื่อป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก แต่ทางโรงพยาบาลก็ต้องวางแผนการทำงานมีมาตรฐานมากขึ้น

ดร.ธนกฤต กล่าวด้วยว่า ประเด็นนี้น่าเสียดายที่ไม่ได้ชันสูตรศพ ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญ ส่วนการฟ้องร้องทางโรงพยาบาลนั้น ต้องดูว่าเป็นไปตามมาตรฐานการรักษาพยาบาลหรือ ซึ่งทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์เป็นเพียงหน่วยงานกลางที่จะประสาน และเข้าพูดคุยกับทางกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง