แม่ร้องตรวจสอบโรงพยาบาลรักษาล่าช้า เป็นเหตุให้ลูกอายุ 5 ขวบ ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต

สนามข่าวเสาร์-อาทิตย์ - พ่อแม่ใจสลาย พาลูกสาวอายุ 5 ขวบ มีอาการปวดท้องรุนแรงเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดพิจิตร แต่รักษาไม่หายต้องส่งตัวไปรักษาอีกโรงพยาบาลหนึ่ง แต่สายเกิน ลูกของเธออาการทรุดหนัก ไส้ติ่งแตก เสียชีวิต

แม่ร้องตรวจสอบโรงพยาบาลรักษาล่าช้า เป็นเหตุให้ลูกอายุ 5 ขวบ ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต
ที่ศาลาวัดใหม่ หรือ วัดวิจิตราราม อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ครอบครัวใช้เป็นที่จัดพิธีศพของเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ โดย นางสาวกาญจนา ชูเมือง (อายุ 48 ปี) ผู้เป็นแม่ เล่าว่า ช่วงบ่ายโมงวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา เธอและสามีได้พาลูกสาวที่ป่วยมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่นำตัวลูกสาวเข้าห้องโอพีดี ตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงจนถึงเกือบ 19.00 น. โดยแพทย์ให้ยาพาราและยาถ่ายแก้ปวดท้องมากินและให้กลับบ้าน แต่ลูกอาการปวดท้องไม่ดีขึ้น จึงพากลับมาพบแพทย์อีกครั้ง

คราวนี้ แพทย์บอกว่า มีก้อนอุจจาระในท้อง ได้แต่ให้ยามาสวนก้น แต่อาการป่วยของลูกก็ยังเหมือนเดิมต้องพากลับไปหาแพทย์เป็นรอบที่ 3 รอบนี้แพทย์ให้ไปเอกซเรย์ตรวจอย่างละเอียดดูในท้อง ผลปรากฏว่าเป็นฝีที่ช่องท้อง มีหนองด้วย รักษาให้ไม่ได้เพราะไม่มีแพทย์เฉพาะทาง และไม่มีเครื่องมือ ทำให้ต้องส่งตัวลูกสาวไปรักษายังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง เมื่อวันที่ 17 มกราคม พอไปถึงผลตรวจออกพบว่าลูกไส้ติ่งแตก อาการทรุดเสียชีวิตในที่สุด

สิ่งที่เธอคาใจจนต้องออกมาร้องทุกข์ให้มีการตรวจสอบ นอกจากโรงพยาบาลแรกที่รักษาลูกของเธอล่าช้า และทำไมแพทย์ถึงวินิจฉัยอาการที่ลูกป่วยไม่ตรงสาเหตุตั้งแต่แรก ทั้ง ๆ ที่ลูกบอกว่า ปวดท้องรุนแรง แต่การรักษาก็ให้แค่ยาแล้วกลับบ้าน ถ้าลูกของเธอได้รับการรักษาและแพทย์วินิจฉัยโรคถูกต้องตั้งแต่แรก ก็คงไม่เสียชีวิต

สธ.เร่งตรวจสอบเด็กชายอายุ 1 ปี 9 เดือน ฉีดวัคซีน เสียชีวิต
อีกกรณีคล้ายกัน ครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กชาย อายุขวบเศษ หลังจากที่ผู้เป็นย่าพาไปรับฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ชนิดหยดทางปาก ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา ช่วงแรกที่เด็กชายรับฉีดวัคซีนไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ ย่าจึงพาหลานกลับบ้านแล้วให้ดื่มนมนอน แต่พอตกเย็นวันเดียวกันย่าไปปลุกไม่ตื่น ก่อนพบเสียชีวิตแล้ว 

นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่อง ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้กรมควบคุมโรคส่งทีมระบาดวิทยาลงพื้นที่สอบสวนการเสียชีวิตของเด็กชาย อายุขวบเศษ แล้ว โดยเก็บข้อมูลประวัติการเจ็บป่วยในอดีต การตรวจทางห้องปฏิบัติการและผลชันสูตรของเด็ก เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต รวมทั้งการจัดเก็บวัคซีน และติดตามเด็กกลุ่มที่เข้ารับฉีดวัคซีนชนิดและในล็อตเดียวกัน กรณีที่พบเด็กที่รับวัคซีนแล้วมีอาการข้างเคียงจะต้องทำการสอบสวนทุกราย เพื่อให้ทราบแน่ชัด ทั้งนี้ เด็กไทยทุกคนควรได้รับวัคซีนนี้เนื่องจากสามารถป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน และวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ เป็นโรคที่มีความรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้