คนตัดต้นไม้ข่มขืนหญิงสาว ก่อนมาทำร้ายครูเวร
สนามข่าว 7 สี - ในคดีที่ครูเวรถูกคนตัดต้นไม้บุกทำร้ายในโรงเรียนที่จังหวัดเชียงราย ล่าสุดมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติมว่าถูกผู้ต้องหาข่มขืนก่อนเกิดเหตุกับครูเวรเพียง 3 วัน ด้านสหพันธ์ครูฯ ได้ยืนข้อเรียนร้องต่อประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
จากกรณีที่นายนิรันด์ อายุ 38 ปี อาชีพรับจ้างตัดต้นไม้ ผู้ต้องหาในคดีที่ไปก่อเหตุทำร้ายและพยายามล่วงละเมิดทางเพศครูสาว ขณะที่กำลังเข้าเวรที่โรงเรียน บ้านโป่งเกลือ ตำบลดอยลาน อำเภอเมืองเชียงราย เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งตอนแรกผู้ต้องหาปฏิเสธแต่หลังจากถูกสอบสวนอย่างหนัก จึงรับสารภาพว่าได้เสพยาบ้าไป 10 เม็ด ก่อนจะตั้งใจเข้าไปข่มขืนครูสาว แต่ครูสาวขัดขืนจึงทำร้ายครูสาวด้วยความโมโห และจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหามีประวัติโชกโชน ทั้งคดียาเสพติดและข่มขืนเด็กอายุ 14 ปี
ซึ่งล่าสุดได้มีหญิงสาวอายุ 18 ปี และอายุ 17 ปี เป็นนักศึกษา ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย เพื่อเอาผิดกับนายนิรันด์ หลังนายนิรันด์ก่อเหตุข่มขืน ขณะที่หญิงสาวทั้งสองคนไปรับงานเอ็นเทอร์เทนที่บ้านของนายนิรันด์ ก่อนเกิดเหตุกับครูสาว 3 วัน
โดยผู้เสียหาย เล่าว่า นายนิรันดร์ได้ติดต่อเข้ามาหา เพราะต้องการว่าจ้างให้ไปชงเหล้าที่บ้าน พอถึงวันที่นัดหมายจึงเดินทางไปพร้อมกัน เมื่อไปถึงที่นัดหมายประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 17 มกราคม นายนิรันดร์ได้ขอยืมรถของตนเองไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อใกล้หมู่บ้าน แต่เนื่องจากว่ารถมอเตอร์ไซค์เพิ่งซื้อมาใหม่ จึงไม่กล้าให้ยืมเลยให้เพื่อนที่มาด้วยกันนั่งรถไปด้วย แต่นายนิรันดร์กลับพาเข้าไปบ้านสวน หลังจากนั้นนายนิรันด์ได้เสพยาบ้า และใช้อาวุธปืนออกมาข่มขู่เพื่อนของตนเองเพื่อบังคับข่มขืน หลังก่อเหตุยังได้ข่มขู่ไม่ให้บอกกับตนเองอีกด้วย
ด้าน พลตำรวจตรี มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า พบว่าผู้ต้องหามีการก่อเหตุซ้ำซ้อนหลายคดี ทั้งทำร้ายร่างกายครู และในวันนี้ก็ยังได้รับแจ้งเหตุว่ามีหญิงสาวถูกล่อลวงไปข่มขืน คาดว่าคงมีเหตุการณ์อื่นอีกแน่นอน และจะเร่งรวบรวมคดีทั้งหมดเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้เร็วที่สุด
และจากกรณีการทำร้ายครูเวร ทำให้สหพันธ์ครูเชียงราย ได้ทำจดหมายเปิดผนึกไปถึงประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา ยื่นข้อเสนอเรียกร้องเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาและดูแลสวัสดิภาพสวัสดิการให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา เช่น ให้ยกเลิกให้ครูอยู่เวรรักษาความปลอดภัย ซึ่งไม่ใช่หน้าที่หลักของครู และเสนอให้จัดสรรตำแหน่งพนักงานราชการในตำแหน่งนักการภารโรง และครูธุรการ รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อลดภาระการทำงานของครู เพื่อให้ครูได้ใช้ความสามารถสอนนักเรียนและครูมีเวลาว่างในการทบทวนเนื้อหาหรือพัฒนาการเรียนการสอนอย่างเต็มที่
