ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

เปิดใจ ดาบแป๊ะ ยิงไรเดอร์ดับ อ้างตกใจ-ป้องกันตัว

เช้านี้ที่หมอชิต - ดาบแป๊ะ รอดนอนคุก ญาติยื่นประกัน 300,000 บาท ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว คดียิงไรเดอร์เสียชีวิต อ้างตกใจและป้องกันตัว

ช่วงเช้าเมื่อวาน พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ควบคุมตัวดาบแป๊ะ ไปที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนไปในเมืองและที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนในเมืองและที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

หลังจาก ดาบแป๊ะ ใช้อาวุธปืนยิงนายธิติวัฒน์ หรือ หมอก อายุ 25 ปี อาชีพไรเดอร์ ถูกลำคอเสียชีวิตบริเวณหน้าบ้านพัก ภายในซอยรัชดาภิเษก 3 แยก 14 แขวงและเขตห้วยขวาง ช่วงใกล้ 18.00 น. ของวันที่ 24 มกราคม

หลังดาบแป๊ะขึ้นนั่งในรถขังผู้ต้องหา พูดเปิดใจสั้น ๆ ว่า สุดวิสัย ผมตกใจ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม รอผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนของกลางและอื่น ๆ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

ต่อมาญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 300,000 บาท ขอปล่อยชั่วคราว ดาบแป๊ะ ระหว่างฝากขัง ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว

ขณะที่ นายนิ้ว (นามสมมุติ) พ่อเลี้ยงนางสาวแอน เล่าว่า ตนเป็นสายลับ ก่อนเกิดเหตุไปทำงานกับดาบแป๊ะ จากนั้นขับรถแวะไปเอาโทรศัพท์ที่ลูกสาวยืมไปประมาณสัปดาห์กว่า ๆ เนื่องจากในนั้นมีข้อมูลสำคัญ โดยสอบถามพิกัดที่ลูกสาวอยู่ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกสาวอยู่บ้านผู้เสียชีวิต

เมื่อไปถึงเจอผู้เสียชีวิตปาขวดลงมาจากชั้น 2 แล้วถือมีดยาว คล้ายคนคลุ้มคลั่งจะมาฟัน จนต้องหนีหลบในรถเก๋ง ทำให้ผู้เสียชีวิตหันไปหาดาบแป๊ะที่นั่งรอในรถ ใช้มีดจ่อหน้า ดาบแป๊ะบอกมีอะไรให้พูดกันดี ๆ แต่ผู้เสียหายกลับใช้มีดแทงกระจก เป็นเหตุให้ดาบแป๊ะใช้ปืนยิง ซึ่งหากเป็นตนก็คงทำเช่นเดียวกัน ส่วนที่คนสงสัย ทำไมไม่ขับรถหนีนั้น พ่อเลี้ยงอ้างไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะขับรถได้

ด้านแม่ผู้เสียชีวิต บอกว่า ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมลูกชายถึงโมโหขนาดนั้น แต่ยอมรับลูกเคยเกี่ยวข้องยาเสพติด แต่ไม่เคยคลุ้มคลั่งทำร้ายใคร นอกจากนี้ นางสาวแอน หลังรู้ลูกชายถูกยิงเสียชีวิต เอาแต่หมกตัวอยู่บนห้องไม่ลงมาดูเหตุการณ์เลย ถึงขนาดนั้นต้องขึ้นไปตามถึงยอมลงมา จากการสอบถามนางสาวแอน ยอมรับว่ายืมโทรศัพท์ของพ่อเลี้ยงมาจริง และพ่อเลี้ยงโทรมาขอคืน แต่ไม่ยอมรับสาย รวมทั้งไม่ลงมาพบเอง ทำให้ลูกลงมาและโดนยิง ตนจึงตั้งข้อสงสัยความสัมพันธ์ของนางสาวแอนกับพ่อเลี้ยง ใช่พ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยงกันจริงหรือไม่

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้สังคมแบ่งเป็นสองฝ่าย ว่าทำเกินกว่าเหตุ หรือทำถูกต้องแล้ว รายการถกไม่เถียง เชิญผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยวิเคราะห์

พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล บอกว่า เรื่องนี้ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐาน อย่างภาพวงจรปิด ไรเดอร์เห็นแล้วดาบแป๊ะมีปืน จึงยกมือขึ้นและบอกว่ายอมแล้ว ซึ่งคนยิงอยู่ในรถ สามารถปิดกระจกป้องกันตัวจากมีดได้ จึงอาจทำให้เหตุการณ์นี้หมิ่นเหม่ว่าดาบแป๊ะทำเกินกว่าเหตุ

ขณะที่ นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า จากประสบการณ์ของตน เชื่อเป็นการป้องกันตัวที่เกินกว่าเหตุ เพราะตำรวจเมื่อเห็นคนร้ายยอมวางอาวุธแล้วตามหลักไม่ควรจะยิง และหากยอมแต่ยังไม่วางอาวุธ แล้วตำรวจยิงก็อาจเข้าข่ายทำเกินกว่าเหตุเช่นกัน

ส่วน รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยาฯ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ถ้าหากเป็นเรื่องความหึงหวงของพ่อเลี้ยงที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกเลี้ยง ก็สามารถตรวจสอบจากโทรศัพท์ได้ และจากภาพวงจรปิดเห็นว่าดาบแป๊ะไม่ใช่คู่กรณีโดยตรงของไรเดอร์ เพราะเมื่อไรเดอร์เห็นดาบแป๊ะมีปืน ได้ยกมือขึ้นแล้วถอยหนี แต่ดาบแป๊ะยังลงมือยิง จึงต้องไปสอบสวนต่อว่ายิงไปเพื่ออะไร

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark