กทม.สั่งค้นกระเป๋านักเรียน สุ่มตรวจสิ่งต้องห้าม

ห้องข่าวภาคเที่ยง - กทม.สั่งโรงเรียนในสังกัด ค้นกระเป๋านักเรียนทุกคน เพื่อตรวจสอบตรวจสอบการพกพาอาวุธ หรือ สิ่งต้องห้ามเข้ามาในโรงเรียน

กทม.สั่งค้นกระเป๋านักเรียน สุ่มตรวจสิ่งต้องห้าม
เช้านี้ กทม. สั่งค้นกระเป๋านักเรียนทุกโรงเรียนในสังกัด เพื่อตรวจสอบการพกพาอาวุธ หรือ สิ่งต้องห้ามเข้ามาในโรงเรียน ซึ่งที่โรงเรียนมัธยมประชานิเวศน์ เขตจตุจักร น้อง ๆ สภานักเรียน ได้ตั้งโต๊ะค้นกระเป๋า ตรวจยึดสิ่งต้องห้าม ได้แก่ ของมีคมทุกชนิด เช่น กรรไกร, มีด , คัตเตอร์ รวมถึง ไฟแช็ก และสำรับไพ่ สำหรับนักเรียนที่มีความจำเป็นต้องใช้ของมีคม ครูจะสอบถามจุดประสงค์การนำไปใช้งานอย่างละเอียด หากมีความจำเป็นต้องใช้ในชั่วโมงเรียน ถึงจะอนุญาตให้นำขึ้นชั้นเรียนได้

แต่หากพบนักเรียนที่พบอาวุธ หรือ พบสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในโรงเรียน จะถูกตัดคะแนนความประพฤติ และแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครอง เพื่อให้สอดส่องบุตรหลานของตนเอง

ถอดบทเรียนความรุนแรงในโรงเรียน
ถอดบทเรียนปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน แพทย์หญิงจันทร์อาภา สุขทัพภ์ รองผู้อำนวยการด้านการพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช สถาบันราชานุกูล พูดถึงการร่วมกันแก้ปัญหาบูลลีในโรงเรียน พ่อแม่ผู้ปกครอง และครู ต้องปลูกฝังให้เด็ก ๆ รู้จักการเห็นอกเห็นใจ รักคนอื่นเป็น รักตัวเอง และเรียนรู้วิธีที่จะอยู่ร่วมกันได้ในสังคม มีวิธีปกป้องตัวเอง รวมถึงการไม่ไปทำร้ายคนอื่น

ถ้าเราไปดูสถิติคดีที่มีผู้ก่อเหตุเป็นเด็กและเยาวชนย้อนหลังไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา มีจำนวนพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ

ถ้าเราเน้นไปที่คดีอุฉกรรจ์ อย่างคดีฆ่าผู้อื่น จะพบว่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือปี 2562 มีการจับกุมเพียงแค่ 3 คดี ปีถัดมาเพิ่มขึ้นเป็น 5 คดี ถัดมา 2564 เริ่มเพิ่มสูงขึ้นเป็น 38 คดี พอปี 2565 พุ่งรวดเดียว 403 คดี และปีที่แล้ว 492 คดี รวมแล้ว 5 ปี มีเด็กและเยาวชนถูกจับกุม 941 คดี นี่ยังไม่นับคดีปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย อีก 324 คดี

ยิ่งไปดูกลุ่มอายุของผู้ที่ก่อเหตุยิ่งน่าตกใจ โดยเฉพาะช่วงปี 2564-2566 เริ่มมีตัวเลขผู้ก่อเหตุอายุ 10 ขวบ ปรากฎในสถิติ 2 คน จากนั้นก็ไล่ลำดับไป 12 ขวบ 7 คน, อายุ 13 ปี 52 คน ตัวเลขแบบมีนัยยะสำคัญเห็นชัด ๆ คือช่วงอายุ 14 ปี โดยในปี 2564 ก่อเหตุแค่ 7 คน, ปี 65 เพิ่ม 4 เท่า เป็น 28 คน และปีที่แล้ว สูงถึง 81 คน ส่วนกลุ่มอายุ 15-18 ปี ก็เพิ่มสูงขึ้นไม่แพ้กัน โดยผลรวม 3 ปี กลุ่มอายุ 15 ปี มีผู้ก่อเหตุ 260 คน, อายุ 16 ปี 364 คน, อายุ 17 ปี 407 คน และอายุ 18 ปี 401 คน แน่นอนข้อมูลนี้จะถูกรวบรวม เสนอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับไปพิจารณาในวันพรุ่งนี้ ก่อนมีความเห็นส่งต่อให้กระทรวงยุติธรรม พิจารณาเรื่องการแก้ไขกฎหมายต่อไป