ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

แม่ข้องใจ ลูกชายโคม่า หลังถูกจับคดียาเสพติด


แม่ข้องใจ ลูกชายถูกจับคดียาเสพติด แต่กลับต้องมานอนรักษาตัวด้วยอาการโคม่าที่ รพ. ก่อนจะเข้าแจ้งความเอาผิด ตำรวจชุดจับในความผิด พ.ร.บ. ซ้อมทรมานฯ

วันนี้ (30 ม.ค. 67) มูลนิธิวินวิน โพสต์ภาพ แขนของผู้ป่วยคนหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า “จับยายังไงให้โคม่า แม่แจ้งความดำเนินคดี 11 ตำรวจในข้อหาตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 อ้างต่อสู้ขัดขืนวิ่งหนีแล้วหมดสติหยุดหายใจ ปัจจุบันยังไม่รู้สึกตัวสมองบวม ความดันตก หลักฐานชัดเจนไม่มีการบันทึกภาพระหว่างจับกุม ไม่รายงานเหตุอัยการหรือฝ่ายปกครอง งานนี้รอดยาก #ท่ามะกา”

จากการสอบถามข้อมูลกับ นายดลชนก บุณโยทยาน รองประธานมูลนิธิวินวิน เผยว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพของนายพิริยะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด

โดยเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ จากข้อมูลการจับกุมระบุว่า “วันที่ 18 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 17:30 น. จากการจับกุมนายเกรียงไกร หรือบอยอายุ 33 ปีพร้อมของกลางยาเสพติดคือยาบ้าจำนวน 200 เม็ด 

โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนขยายผลจากนายเกรียงไกร จนทราบว่านายเกรียงไกร สั่งซื้อยาบ้าจากนายพิริยะ จำนวน 5 ถุง ถุงละ 5,800 บาทรวมเป็นเงิน 29,000 บาท โดยนายพิริยะ แจ้งว่าให้นายเกรียงไกรไปรอรับที่บริเวณริมถนนตำบลเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี

เหตุนี้ตำรวจจึงปฏิบัติการอำพรางวางแผนการจับกุมนายพิริยะ จนถึงเวลานัดหมายนายพิริยะได้ติดต่อเข้ามาหานายเกรียงไกรเพื่อจอดรถอยู่ริมถนนดังกล่าวเวลาประมาณ 20:50 น. ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัว

แต่ระหว่างเข้าจับกุมตัวนายพิริยะได้วิ่งหลบหนีและทำการต่อสู้ ดิ้นรนขัดขืนการควบคุมตัวจนนายพิริยะมีอาการเหนื่อยหอบชักเกร็งเจ้าหน้าที่พยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลมะการักษ์”

เหตุนี้ทางครอบครัวติดใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ น.ส.สมจิต แม่ของนายพิริยะ จึงได้ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่ามะกา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ทั้งหมด 11 นาย โดยกล่าวหาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจตะเวนชายแดนทั้งหมด 11 นาย ร่วมกันจับกุมตัวนายพิริยะ ซึ่งเป็นลูกชายของ น.ส.สมจิต  ให้ได้รับโทษตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ในความผิดฐาน "เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เพื่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
(1)ให้ได้มาซึ่งข้อมูลหรือคำรับสารภาพจากผู้ที่ถูกกระทำหรือบุคคลที่สาม
(2)ลงโทษผู้ถูกกระทำเพราะเหตุอันเกิดจากการกระทำหรือสงสัยว่ากระทำของบุคคลนั้นหรือของบุคคลที่สาม"

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark