แก๊งรัสเซียอุ้มเหยื่อ ใช้ถุงดำ-ทำร้ายบีบโอนคริปโทฯ 30 ล้านบาท

เช้านี้ที่หมอชิต - เรื่องนี้ต้องติดตาม เพราะเหตุเกิดตั้งแต่คืน 31 มกราคม คนร้ายเป็นชาวรัสเซีย 4-5 คน ก่อเหตุบุกอุ้มเพื่อนร่วมชาติ บังคับโอนคริปโทฯ มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ขณะนี้ได้ตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมาครบ อยู่ระหว่างสอบปากคำดำเนินคดี

ช่วงเวลา 22.00 น. คืนวันที่ 31 มกราคม ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต รับแจ้งจากชาย-หญิงชาวรัสเซีย 2 คน ว่าถูกคนร้ายอุ้มขึ้นรถตู้ และบังคับให้โอนเงินสกุลคริปโทเคอร์เรนซี จำนวน 9 แสนยูเอสดีซี (USDC) คิดเป็นเงินไทยกว่า 30 ล้านบาท เมื่อโอนเงินเสร็จแล้วจึงถูกปล่อยตัว

จากการสอบปากคำผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากร้านเกมย่านตำบลฉลอง เพื่อกลับที่พักในพื้นที่ตำบลตลาดใหญ่ เมื่อขับรถเข้าซอยที่พัก ได้มีคนร้าย 3 คนขับรถตู้ HYUNDAI ป้ายแดงมาปาดหน้า และถูกบังคับให้ขึ้นรถ ก่อนที่จะมีคนร้ายใช้ถุงดำคลุมศีรษะ และทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเพศชายด้วยการชกต่อย เพื่อบังคับให้โอนเงินคริปโทฯ เมื่อได้เงินครบตามจำนวนก็ได้ปล่อยทิ้งไว้ห่างจากจุดอุ้มประมาณ 1 กิโลเมตร

ขณะที่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (1 ก.พ.) ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวรัสเซีย 2 คน มาสอบปากคำว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ ก่อนที่จะมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยอีก 2 คนที่ท่าอากาศยานภูเก็ต ขณะกำลังเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ ก่อนนำตัวไปสอบปากคำ

ด้านผู้การฯ ภูเก็ต เปิดเผยภายหลังร่วมสอบปากคำผู้ต้องสงสัยว่า ผู้เสียหายและกลุ่มผู้ต้องสงสัยไม่รู้จักกัน และทราบมาว่าทั้ง 2 ฝ่ายเดินทางมาท่องเที่ยวที่ภูเก็ตตั้งแต่กลางเดือนมกราคม ตอนนี้ต้องสอบปากคำเพื่อขยายผลเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม จากการขยายผลพบว่ามีผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 5 คน คือ นายอลัน และพบว่าเป็นผู้บงการทั้งหมด โดยตำรวจได้เบาะแสหลังจากไล่ภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะไปนอนนวดที่ร้านนวดย่านป่าตอง ก่อนถูกคุมตัวมาสอบปากคำ โดยแยกตัวสอบจาก 4 คนแรก

ส่วนการเก็บหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์บนรถตู้ HYUNDAI ที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นยังไม่พบ แต่ได้ขยายผลเก็บหลักฐานบนรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่ผู้ต้องสงสัยเช่ามาขับ 3 วัน และคืนเจ้าของไปแล้ว เบื้องต้นพบกะละมังสีแดง ภายในมีมีดทำครัว มีดพับ เทปกาว 2 ม้วน เชือกฟาง 1 ม้วน ปืนจุดเตาแก๊ส และกรรไกร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อเตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับ ขณะที่การสอบปากคำยังดำเนินต่อไป และทั้งหมดยังไม่ยอมให้การใด ๆ ที่เป็นประโยชน์