|
ถูกตัดสิทธิผู้พิการ โยกรถสามล้อจากสุโขทัยมายืนยันตัวตนที่กรมบัญชีกลาง
ถูกตัดสิทธิผู้พิการ หน่วยงานในพื้นที่บอกช่วยเหลือไม่ได้ ตัดสินใจโยกรถสามล้อจากสุโขทัยเข้ามายืนยันตัวตนที่กรมบัญชีกลาง กรุงเทพฯ เดินทางถึงอ่างทองระยะทาง 400 กม.
ค่ำวานนี้ (4 ก.พ. 67 ร.ต.ท.บุญเรือง ศรีกระจ่าง รองสารวัตรงานป้องกันและปราบปราม สภ.ไชโย (ร้อยเวรสายตรวจรถยนต์) ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยจังหวัดอ่างทอง ว่ามีพลเมืองดีพบชายพิการใช้รถโยกสามล้อ เดินทางมาตามถนนสายเอเซียมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบ พบชายพิการตามที่พลเมืองดีแจ้งบริเวณทางเข้าอำเภอไชโย (แห่งใหม่) กิโลเมตรที่ 58 หมู่ที่ 4 ตำบลจระเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
จากการสอบถามชายผู้พิการ คือ นายมณฑล อายุ 48 ปี บอกว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลแม่สำ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย กำลังจะเดินทางด้วยรถสามล้อโยกไปที่กรมบัญชีกลาง ที่กรุงเทพฯ เพื่อไปยืนยันตัวตนตามที่เจ้าหน้าที่บอก เนื่องจากตนเองถูกตัดสิทธิผู้พิการ และไม่มีบัตรประชาชน
นายมณฑล เล่าให้ฟังด้วยว่า เดิมตนมีอาชีพรับจ้างทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ โดยทำงานเป็นช่างแกะลายกระจก แกะสลักไม้ รับทำป้าย แต่ได้พลัดตกตึก 6 ชั้น ตั้งแต่ปี 2557 ทำให้เป็นผู้พิการขาทั้ง 2 ข้าง จึงเดินทางกลับจังหวัดบ้านเกิดไปรับจ้างทำงานแฮนด์เมดจากกะลามะพร้าว แต่มีรายได้ไม่ดี ญาติพี่น้องก็มีภาระกันทุกคน ที่ผ่านมาได้รับเงินช่วยเหลือสวัสดิการของคนพิการ เดือนละ 800 บาท ตนไปขอตรวจสอบเบี้ยคนพิการ ทำให้ทราบว่าไม่มีเบี้ยคนพิการโอนเข้ามาในบัญชีมาตั้งแต่ปี 2563 ตนจึงเดินทางไปตรวจสอบที่อำเภอศรีสัชนาลัย เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ตนถูกตัดสิทธิผู้พิการ บัตรประชาชนก็ไม่มี
เจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.ศรีสัชนาลัย จากนั้นได้รับคำแนะนำว่าต้องไปยืนยันสิทธิด้วยตนเองที่กรมบัญชีกลาง ในกรุงเทพฯ ตนไม่รู้จะเดินทางไปได้อย่างไร และขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยพาไป แต่เจ้าหน้าที่ตอบกลับมาว่าช่วยเหลือได้เท่านี้ เรื่องการเดินทางคงต้องช่วยเหลือตัวเอง ตนจึงตัดสินใจใช้รถสามล้อโยกเป็นพาหนะ ออกเดินทางมาพร้อมสัมภาระที่อยู่ในตะกร้าหน้าและหลัง ใช้เวลากว่า 3 สัปดาห์ จึงเดินทางมาถึงจังหวัดอ่างทอง รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ช่วยเหลือชายพิการคนดังกล่าว ให้ไปพักผ่อนชั่วคราวที่ สภ.ไชโย ก่อนที่จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในการช่วยเหลือต่อไป
