ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

รพ.จะนะ ตั้งกรรมการสอบ ปมลูกตายในครรภ์


รพ.จะนะ ตั้งกรรมการสอบ ปมลูกตายในครรภ์ หากบกพร่องพร้อมรับผิด แจงพยาบาลทำตามขั้นตอนทุกอย่าง วันแรกตรวจไม่พบความผิดปกติ ประเด็นพยาบาลดันหัวเด็กไม่ให้คลอดในรถพยาบาล ไม่ใช่ห้ามทารกคลอด แต่ทำเพื่อป้องกันมดลูกของแม่ไม่ให้ฉีกขาดเป็นแผลขนาดใหญ่

วันนี้ (14 ก.พ. 67) ความคืบหน้ากรณีสามีภรรยาร้อง รพ.จะนะ ทำทารกอายุครรภ์ 9 เดือน เสียชีวิต ตามที่นายสิทธิฉัตร อายุ 26 ปี และ น.ส.ฮารีนา อายุ 24 ปี ชาว อ.เทพา จ.สงขลา พร้อมด้วยนายฮานาฟี หมีนเส็น ทนายความ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายรุ่งโรจน์ และสุบ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เพื่อขอความเป็นธรรมโดยคำร้องระบุว่า เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 8 ก.พ. 67 นายสิทธิฉัตรได้นำภรรยาที่ท้องแก่ใกล้คลอด อายุครรภ์ 38 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน ซึ่งมีอาการปวดท้องคล้ายใกล้คลอดเดินทางไปยัง รพ.จะนะ ที่อยู่ใกล้บ้าน ขณะนั้นพยาบาลที่เข้าเวรได้ตรวจเช็กอาการแล้วบอกว่าทุกอย่างปกติ ให้กลับไปสังเกตอาการที่บ้าน หากปวดท้องรุนแรงคล้ายจะคลอดก็ให้พากลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

กระทั่งต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 00.30 น. วันที่ 9 ก.พ.67  สามีได้พาภรรยากลับมาที่ รพ.จะนะ อีกครั้ง เนื่องจากภรรยาปวดท้องอย่างรุนแรง พยาบาลได้พาเข้าไปตรวจที่ห้องรอคลอด ต่อมาทางทีมแพทย์ พยาบาลได้ให้นอนรอเวลา เพื่อให้เด็กได้คลอดออกมา แต่ผ่านไปนานกว่า 3-4 ชั่วโมง ก็ยังไม่คลอด เพราะ ช่องคลอดเปิดไม่กว้างพอ กระทั่งเวลา 04.30 น. ต้องส่งต่อไปที่ รพ.สงขลา ช่วงที่อยู่บรถพยาบาลฉุกเฉิน สามีสังเกตเห็นศีรษะของทารกโผล่ออกมาจากช่องคลอด แต่ทางพยาบาลได้เอามือไปดันเอาไว้ไม่ให้ทารกออกมา โดยบอกว่า ยังไม่พร้อมที่จะให้คลอด เนื่องจากไม่มีเครื่องมือพร้อมที่จะทำคลอด กระทั่งถึง รพ.สงขลา แพทย์ได้นำภรรยาเข้าห้องฉุกเฉินทันที และทำคลอดออกมาเป็นทารกเพศหญิง แต่ทารกเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นแพทย์วินิจฉัยว่า อาจจะสำลักน้ำคร่ำและสายสะดือพันกันเป็นเหตุให้เสียชีวิต

ทั้งนี้หลังทำคลอดแพทย์ได้ให้ภรรยานอนพักรักษาอาการอยู่ 3 วัน จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนศพทารกได้เอากลับไปประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนา จากนั้นจึงได้หารือเข้าร้องเรียนความเป็นธรรมผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสงขลา เพื่อให้มีการตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งขอรับสิทธิเยียวตามกฎหมายด้วยนั้น

ทางด้าน นพ.หมัด หีมเหม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ เปิดเผยว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์อย่างตรงไปตรงมา และพร้อมที่จะรับผิดชอบหากมีจุดใดที่เกิดจากความบกพร่อง หรือผิดพลาดจากทางบุคคลากร หรือจากโรงพยาบาล รวมทั้งยังนำเรื่องส่งพิจารณาให้กับผู้ได้รับผลกระทบในการที่จะได้รับสิทธิเยียวยาตามที่กฎหมายกำหนดตามหลักเกณฑ์ด้วย

เบื้องต้นพบว่า ในช่วงเวลา 03.00 น. ของวันที่ 8 ก.พ.67 ผู้ป่วยปวดครรภ์เข้ามายัง รพ.จะนะ ขณะนั้นพยาบาลที่เข้าเวรก็มีความเชี่ยวชาญด้านทำคลอด  แต่จากการตรวจร่างกายและอื่นๆ ทั้งหมดยังพบว่าเป็นปกติ ยังไม่ถึงเวลาที่จะคลอดตามหลักทางการแพทย์ จึงให้ทางสามีพาภรรยากลับไปดูอาการที่บ้าน แต่มีข้อทักท้วงจากทางผู้เสียหายว่า ทำไมไม่ให้นอนสังเกตอาการ หรือนอนพักที่โรงพยาบาลดูอาการให้แน่ใจอีกสักนิด รวมทั้งยังไม่ได้มีการนัดหมายมาให้ตรวจเช็กอาการซ้ำอีกครั้งในช่วงเช้า ซึ่งจุดนี้ทางคณะกรรมการจะต้องมีการสอบสวนในรายละเอียดอีกครั้งว่า เป็นความบกพร่องประการใดหรือไม่

นพ.หมัด ระบุด้วยว่า ส่วนเรื่องที่ทางสามีสังเกตเห็นคล้ายมีเลือดออกมาจากช่องคลอดภรรยานั้นพบว่า เป็นลักษณะมูกเลือด ไม่ใช่เลือดจากอาการตกเลือดที่เป็นอันตราย ขณะที่ในช่วงเวลา 00.30 น. ของวันที่ 9 ก.พ. 67 หลังคนไข้กลับมา รพ.จะนะ อีกครั้ง และผลการตรวจพบว่า ทารกในครรภ์ได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ปรากฏว่าแม่ไม่สามารถคลอดทารกออกมาได้ ซึ่งใช้เวลารออยู่นานราว 3-4 ชั่วโมง จึงจำเป็นที่จะต้องนำตัวส่งต่อไปยัง รพ.สงขลา

“ระหว่างทางที่กำลังอยู่บนรถฉุกเฉิน ซึ่งผู้เสียหายบอกว่า พยาบาลเอามือไปดันศีรษะไม่ให้ทารกคลอดออกมานั้น ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการห้ามไม่ให้ทารกคลอด แต่เพื่อป้องกันมดลูกของแม่ให้ฉีกขาดเป็นแผลขนาดใหญ่ เนื่องจากลักษณะนี้ทารกจะพุ่งออกมาพรวดเดียวจนเกิดเป็นแผลขนาดใหญ่ได้ และเครื่องมือบนรถไม่พร้อมที่จะทำคลอดลักษะณะนั้นด้วย จึงจำเป็นที่จะต้องประคองเอาไว้จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล เพื่อให้แม่ปลอดภัย และไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงไปมากกว่านี้”

นพ.หมัด กล่าวว่า ตนและทีมแพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลจะนะ ได้นำกระเช้าเข้าเยี่ยมอาการของผู้ป่วยที่ รพ.สงขลา พร้อมกับทำการพูดคุยทำความเข้าใจกับทางครอบครัวในเบื้องต้นแล้ว

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark