เจ้าของเต็นท์มือสอง ยอมคืนค่ามัดจำรถ หลังออกถกไม่เถียง

เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีที่รายการ ถกไม่เถียง Weekend เมื่อวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นำเสนอเรื่องราวของ 2 สามีภรรยาที่ถูกเต็นท์รถหลอกวางเงินดาวน์ จากนั้นยึดรถคืนแล้วปิดร้านหายเข้ากลีบเมฆ แจ้งความแล้ว 2 ปี คดียังไม่คืบ ตำรวจแจ้งว่าให้รอกำลังตามเรื่องให้แต่ก็หายไป ล่าสุดหลังจากออกรายการได้เพียง 1 วัน เรื่องนี้มีความคืบหน้าทันที

ย้อนไปในรายการถกไม่เถียงเมื่อวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ คุณชัยยา ปรุงกลิ่น (ยา) ผู้เสียหาย และ คุณสมคิด สอนแสง (แมว) ภรรยาของผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อปี 2565 ไปเจอรถกระบะคันหนึ่งแล้วถูกใจมาก มีราคา 295,000 บาท อยากได้มาใช้งาน แต่ตนเองติดแบล็กลิสต์ เต็นท์บอกว่า ไม่ยากเลย เพียงแค่วางเงินมัดจำ 10,000 บาท และวางเงินดาวน์เพิ่มอีก 20,000 บาท ก็นำรถกลับไปใช้ได้เลย แต่ทางเต็นท์รถกลับมาบอกว่าต้องการเงินดาวน์เพิ่ม จึงจะสามารถใช้รถได้ต่อ ตนจึงตัดสินใจจ่ายเงินเพิ่มอีก 6,000 บาท พร้อมเปลี่ยนเป็นรถรุ่นใหม่กว่าเดิม

เต็นท์รถแนะนำว่า ให้ใช้ชื่อลูกชายยื่นกู้ซื้อรถผ่านแน่นอน แต่ผลคือกู้ไม่ผ่าน จู่ ๆ ทางเต็นท์รถจึงมาขอรถคืน อ้างว่าเอาไปทำเล่มรถ เพราะเล่มรถชำรุด โดยนำรถกระบะรุ่นเก่ามาแลก แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์ ก็มีคนมาขับรถกระบะรุ่นเก่าไป จึงตัดสินใจไปขอเงินคืนจากเต็นท์รถ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ พอไปตามที่เต็นท์ก็พบว่าไม่มีรถหรือใครอยู่เลย คนในพื้นที่บอกว่าหนีไปแล้ว ส่วนรถคันที่ดาวน์มาพบว่าไปอยู่กับเต็นท์รถอีกแห่ง แล้วได้เจอเจ้าของเต็นท์ ซึ่งเป็นเจ้าของรถตัวจริง บอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เคยได้รับเงินดาวน์ 36,000 บาท ที่จ่ายไปเลย

2 สามีภรรยาตัดสินใจไปแจ้งความที่ สภ.ขาณุวรลักษบุรี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ตำรวจแจ้งว่าให้รอ กำลังตามเรื่องให้ เดือนพฤษภาคม 2566 ตำรวจแจ้งว่า ออกหมายจับแล้ว แต่ผ่านมานานหลายเดือน คดีไม่คืบหน้า จึงมาขอความช่วยเหลือกับรายการถกไม่เถียง ต้องการเงิน 36,000 บาท คืน เพราะชีวิตครอบครัวลำบากมาก เป็นเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต ทำให้เกิดความเครียดจนล้มป่วย ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการเอาผิดในคดีเลย

ล่าสุด มีความคืบหน้าหลังมาออกรายการถกไม่เถียงเพียง 1 วัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตำรวจได้โทรมาบอกกับ คุณชัยยา ผู้เสียหาย ว่า กำลังไปตามจับตัวผู้ก่อเหตุที่ระยอง ซึ่งก็จับได้แล้ว ฝากขัง 1 วัน ทั้งสามีและภรรยา และเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) 2 สามีภรรยาก็เข้าไปตามนัดตำรวจ เจรจาไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งได้ข้อตกลงกันว่าผู้ก่อเหตุคืนเงินให้ 34,000 บาท จากจำนวนเงินเต็ม 36,000 บาท ขอไว้ 2,000 บาท เพราะจะเอาไว้เป็นค่ารถ ตอนนี้ผู้ก่อเหตุก็ได้รับการปล่อยตัว และแยกย้ายกันแล้ว เรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี