ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

นั่งรถไฟ 16 ชั่วโมง ร้อง! กัน จอมพลัง ถูกแก๊งทะลุถุงทำร้าย ตำรวจไม่รับแจ้งความ

ชาวนครศรีธรรมราช นั่งรถไฟ 16 ชม. ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังลูกหลานถูก "แก๊งทะลุถุง" ในพื้นที่ รุมทำร้ายแบบอุกอาจ แถมโชว์กร่างลงโซเชียล  ซ้ำร้ายตำรวจไม่รับแจ้งความ อ้าง "เป็นคดีเยาวชน จับตัว ดำเนินคดียาก"

จากกรณี ชาวบ้านหลายครอบครัวพาลูกหลานนั่งรถไฟนานร่วม 16 ชั่วโมง หนีจาก จ.นครศรีธรรมราช มาขอให้ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ช่วยเหลือ หลังทนพฤติกรรมวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ในจังหวัดไม่ไหว ดักทำร้ายเอามีดไล่แทงเด็ก ตอนกลางคืนขับรถไปตามหมู่บ้าน เอาปืนออกมายิงชาวบ้าน แถมคนก่อเหตุเป็นลูกตำรวจในพื้นที่ ไม่เกรงกลัวอะไร อีกทั้งหลังก่อเหตุไม่รู้ใช้วิธีไหน เอากล้องวงจรปิดในพื้นที่ออกมาโพสต์ลงสตอรี่ โชว์ว่าไปไล่กระทืบคนมา แถมชอบโพสต์โชว์ปืนเป็นประจำ เหยื่อถูกแทงทั้ง 2 เคสแจ้งความตำรวจเงียบ บอกเพียงเคสเด็กทำยาก

โดยภาพจากกล้องวงจรปิด จับภาพกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุสวมใส่เสื้อแขนยาวขายาว ประมาณ 5-6 คน ยืนรอดักอยู่บริเวณลานจอดรถในห้างฯ แห่งหนึ่ง ใน.อ.ทุ่งสง ก่อนที่จะมีผู้บาดเจ็บขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา กลุ่มวัยรุ่นก็ได้กระโดดถีบ กระทืบ และชายเสื้อสีครีมหยิบอาวุธมีดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ จ้วงแทงหลายครั้ง ก่อนที่ ผู้บาดเจ็บจะวิ่งหนีผ่านกล้องวงจรปิดนอกห้างไป และยังมีกลุ่มวัยรุ่นคนร้าย วิ่งไล่ตาม

นอกจากนี้ ยังมีคลิปวิดีโอ ซึ่งเป็นภาพหลังจากเหตุการณ์แทงกันในห้างสรรพสินค้าโดยได้มีพนักงานให้การช่วยเหลือ อีกทั้งภาพวีดีโอและภาพนิ่งของกลุ่มนี้ได้มีการถ่ายคลิปและสตอรี่ โชว์อาวุธปืนหลายกระบอก และภาพถ่ายยิงปืนเข้าใส่กำแพง โชว์ศักยภาพ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

โดย กัน จอมพลัง เผยว่า วันนี้ (20 ก.พ. 67) ตนพาผู้เสียหายทั้งหมด 3 ครอบครัว เดินทางมาจาก จ.นครศรีธรรมราช ทั้ง 3 ครอบครัวเดินทางมาด้วยรถไฟทั้งหมด 16 ชั่วโมง เพื่อมาขอความเป็นธรรมให้กับลูกหลาน เนื่องจากมีแก๊งทะลุถุงยางมาเกิด ในพื้นที่ ก่อเหตุอุกอาจ ก่อความวุ่นวาย โดยไล่ทำร้ายเด็กในพื้นที่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แถมยังเอากล้องวงจรปิดเอามาโพสต์โอ้อวดลงโซเชียล ซึ่งยังแปลกใจว่าเด็กกลุ่มนี้ เอาคลิปกล้องวงจรปิดจากทางห้างได้อย่างไร

เบื้องต้น ตนได้ตรวจสอบแก๊งนี้ พบว่ามีสมาชิกทั้งหมด 40-50 คน แถมยังมีลูกของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ด้วย โดยวัยรุ่นกลุ่มนี้ จะก่อเหตุไปเรื่อย ประกาศศักดา คอยไล่ยิง ไล่ฟัน เด็กในพื้นที่ หลังจากเกิดเหตุ คุณยายของผู้เสียหายเดินทางไปแจ้งความ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกว่า เป็นคดีเยาวชน จับตัวยาก ดำเนินคดียาก เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ซึ่งหลานไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ทำให้คุณยายต้องเดินทางไปสถานีตำรวจถึง 3 ครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฎิเสธไม่รับแจ้งความ บอกให้ผู้ปกครองเด็กมาแจ้งความเอง

"ของตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทำไมถึงไม่ให้ความช่วยเหลือประชาชน อย่างน้อยรับเรื่องแจ้งผู้ใหญ่บ้าน แจ้งกำนันในพื้นที่ ให้เข้าไปดูแลช่วยเหลือ ทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่บังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง ตอนนี้ชาวบ้านและประชาชนไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเดินทางมาหาตนเอง ตนจึงประสานท่าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยื่นหนังสือและหลักฐาน ให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว"

ขณะที่ แม่ของหนึ่งในผู้เสียหาย เผยว่า วันที่ 1 ม.ค. 67 เวลาประมาณ 22.00น. ลูกชายของเธอออกไปซื้อของที่ตลาดโต้รุ่ง ใน อ.ทุ่งสง ก็พบกับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ จากนั้นกลุ่มนี้ก็ยิงปืนใส่ลูกชายของเธอ จากนั้นทั้งหมดก็ลงมามัดมือลูกชายของเธอและรุมทำร้าย ทั้งการใช้มีดฟันและใช้ปืนข่มขู่ ลูกชายของเธอได้ยกมือขึ้นมาป้องกันไม่ให้โดนบริเวณศีรษะ จึงทำให้ถูกฟันเข้าที่มือจนเอ็นขาด และมีบาดแผลที่บริเวณศีรษะ เข่า ข้อเท้า

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ ได้ติดต่อไปทางห้างฯ ที่เกิดเหตุเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด แต่ทางห้างฯ ปฏิเสธอ้างว่าต้องให้ตำรวจเป็นคนมาขอ แต่เธอพบว่าทางกลุ่มผู้ก่อเหตุมีคลิปกล้องวงจรปิดแล้วมาโพสต์ลงโซเชียล เป็นการยั่วยุ จึงสงสัยว่าทำไมเด็กกลุ่มนี้ถึงได้กล้องวงจรปิดทั้งที่เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ครอบครัวของเธอต้องอยู่อย่างวาดกลัว เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุก็ยังวนเวียนอยู่หน้าบ้านของเธอ

ด้านผู้เสียหายอีกคนเล่าให้ฟังว่า ลูกชายได้ไปเดินเที่ยวที่ห้างฯ แห่งหนึ่ง และพบว่าได้มีกลุ่มวัยรุ่นเดินตามตลอดเวลาที่อยู่ในห้างฯ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจอะไร ต่อมาลูกชายก็ได้เดินลงมาที่ลานจอดรถ เพื่อที่เดินทางกลับบ้าน ในขณะที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านนั้น ปรากฏว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้ลงมาล้อมรถจักรยานยนต์ และรุมทำร้ายร่างกาย ใช้อาวุธมีดฟันมาที่หลัง อีกทั้งยังขโมยเสื้อที่ลูกชายซื้อมาเอาไปอีกด้วย เคราะห์ดีที่ลูกชายของตนสามารถวิ่งหนีออกมาไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านได้ทัน ต่อมาพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้นำภาพจากกล้องวงจรปิด มาโพสต์ลงโซเชียล ซึ่งผู้เสียหายเคยไปถามหาจากห้างฯ แต่ห้างฯก็ไม่ได้ให้ พร้อมกับอ้างว่าต้องมีหนังสือขออนุญาตจากทางตำรวจมา และกลุ่มก่อเหตุนำคลิปดังกล่าวมาจากไหน ทางห้างฯ ก็ตอบว่าเดี๋ยวจะขอไปตรวจสอบก่อนว่าคลิปดังกล่าวใครเป็นคนเผยแพร่

นอกจากนี้ หลังจากแจ้งความแล้ว ทางตำรวจกับไม่ช่วยดำเนินการใดๆ พร้อมกับบอกอีกว่า ทำไมเวลามีเรื่องต้องมาร้องให้ตำรวจช่วยเหลืออยู่ตลอด ทำไมไม่ไปหาผู้ใหญ่บ้าน หรือกำนันบ้าง ทำให้ตนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องให้กัน จอมพลัง ช่วยเหลือ เพราะตอนนี้ตนยังรู้สึกหวาดระแวง ขนาดได้ยินเสียงประทัดก็ยังทำให้รู้สึกหวาดกลัว

ขณะที่ผู้เสียหายคนสุดท้ายคุณยายอายุ 72 ก็เล่าให้ฟังว่า หลานชายของตนถูกวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว ใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่ไต ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องพักรักษาตัวนานกว่า 6 เดือน ซึ่งหลังก่อเหตุยายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ แต่ปรากฏว่าตำรวจได้ไล่ให้ยายไปตามหา พ่อแม่ของเด็กมาแจ้ง แต่ยายก็จนปัญญาเพราะพ่อแม่เด็ก ทิ้งไว้ให้เลี้ยงตั้งแต่อายุ 1 เดือน ทำให้ต้นรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังรู้สึกหวาดระแวง เนื่องจากว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ ยังคงชักชวนพรรคพวกมาชี้เป้าที่บ้านของตน และมาก่อความวุ่นวายใช้อาวุธปืนยิงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

ทางด้าน พลตำรวจตรี ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้สั่งการ ประสานทาง ผู้บังคับการ ตำรวจภูธร ภาค 8 ทางผู้การนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมและทราบตัวของผู้ก่อเหตุหมดแล้ว ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจับกุมในเร็ววัน

สำหรับในส่วนของพนักงานสอบสวนที่ใช้วาจาไม่เหมาะสม ทำให้ทางประชาชนไม่พอใจ จะทำการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งหากพลว่าผิดวินัยตำรวจ จะดำเนินการทางด้านวินัยอย่างแน่นอน แลัในส่วนของอาวุธไทยประดิษฐ์ที่นำมาโชว์ลงโซเชียล เบื้องต้นได้รับรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจับกุมผู้ครอบครองแล้ว 1 คน พร้อมยึดอาวุธปืนไทยประดิษฐ์มาแล้ว 2 กระบอก

และในส่วนของผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ หากผู้ปกครองปล่อยประละเลยให้บุตรหลานของท่านออกมาก่อเหตุแบบนี้ ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย เช่นกัน ยืนยันจะไม่มีการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะต้องดำเนินการอย่างเด็ดขาด อยากให้ประชาชนมั่นใจว่า ทางเจ้าหน้าที่ จะดำเนินการในทุกมิติ จะดำเนินการอย่างยุติธรรม และจับคนร้าย ทลายแก๊งวัยรุ่นดังกล่าวให้ได้ทั้งหมด

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark