ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก เริ่มช่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรี วันนี้

สนามข่าว 7 สี - เมื่อวานต้องเรียกว่า มีทั้งพลิก ทั้งหักมุม จากภาพตั้งโต๊ะแถลงกันชื่นมื่น กอดเอวกลมเกลียว น่าจะจบแล้วปมดรามา แต่ไหงผ่านไปชั่วโมงกว่า ๆ จู่ ๆ ก็ฟ้าผ่ากลาง ตร. นายกฯ เซ็นสั่งย้ายทั้งสองคนไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี

ไม่มีใครคาดคิดว่า จู่ ๆ จะมีการแถลงข่าวของบิ๊กตำรวจ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พลตำรวจเอก สุรเชรษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อย่างหวาดชื่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะมีความขัดแย้งดุเดือด ลูกน้องคนสนิทของบิ๊กโจ๊กออกมาแฉมเส้นเงินเว็บพนันโยงถึงนายพล ต.และคนใกล้ชิด รวมถึงมีการฟ้องร้องกันหลายคดี โดยใจความสำคัญทั้งคู่ประกาศชัดนับจากนี้จะไม่มีความขัดแย้งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกิดขึ้นอีก คดีที่เคยฟ้องร้องกัน จะถอนฟ้องทั้งหมด ส่วนคดีความต่าง ๆ ก็ว่า กันไปตามกระบวนการ โดย คดีเว็บฯพนัน "มินนี่" และ "BNK Master" จะรวมสำนวนให้ ป.ป.ช. ดำเนินการ จะได้เกิดความเป็นธรรม หลังจากนี้ทุกอย่างจะ "เซ็ตซีโร่" แล้วเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนเต็มที่

แต่แถลงข่าวจบไปได้เพียงชั่วโมงเศษ ๆ ก็มีข่าวลือตามมาว่า นายกรัฐมนตรี เซ็นคำสั่งย้ายทั้ง 2 คนชั่วคราว ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งช่วงบ่ายนายกรัฐมนตรีออกมาแถลงเรื่องนี้ว่า เป็นความจริง โดยย้ำว่า ไม่ใช้การลงโทษ ทั้ง 2 คน ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ที่ย้ายไปเพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบข้อเท็จเรื่องทั้งหมด

โดยตั้งกรรมการสอบ 3 คน คือ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายชาติพงษ์ จีระพันธุ์ อดีตรองอัยการสูงสุด และ พลตำรวจเอก วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะใช้เวลา 60 วัน หากไม่พบความผิดก็จะโดนย้ายทั้ง 2 คน กลับ สตช.เหมือนเดิม

ระหว่างนี้ โดยระหว่างนี้มอบหมายให้ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร หรือ บิ๊กต่าย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดย บิ๊กต่าย เป็น นรต.รุ่น 41 รุ่นเดียวกับ พลตำรวจโท อัครเดช วิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. บรรจุครั้งแรกเป็นรองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองระยอง ตลอดการทำงานรับผิดชอบงานด้านบริหาร เคยเป็นหัวหน้าสำนักงานของพลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. ที่สำคัญขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ตร.และเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.มา 2 สมัยแล้ว โดยจะเกษียณอายุราชการ ปี 2569 เนื่องจากเกิดวันที่ 8 ธันวาคม 2508 หลังปีงบประมาณ

สนามข่าว 7 สี มีโอกาสได้เปิดใจ พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ หรือ บิ๊กต่าย ที่เข้ามารักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และกำลังถูกจับตา เพราะเข้ามาในช่วงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติบ้านกำลังร้อน บิ๊กต่าย บอกว่า ตำแหน่ง ผบ.ตร.วันนี้ยังเป็น พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ แต่การรักษาการวันนี้เป็นไปตามหลักอาวุโส หากนายกฯ มีข้อสั่งการหรือนโยบายอะไร ก็ต้องดำเนินการตามนั้น โดยจะมุ่งมั่นทำงานให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดผลประโยชน์แก่ประชาชนและข้าราชการตำรวจ

สะเทือนวงการสีกากีขนาดนี้ ผู้สื่อข่าวก็เลยรอขอเปิดใจกับทั้งสองคนอีกครั้ง "ผบ.ตร." บอกว่า คำสั่งมีผลทันที วันนี้ 09.30 น. ก็จะต้องไปรายงานตัวที่สำนักนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวไม่รู้สึกหนักใจอะไร กลับมองด้วยว่า ดีด้วยซ้ำ จะได้ถือโอกาสพักสมองบ้าง เรื่องสาเหตุเท่าที่ได้อ่านคำสั่งคร่าว ๆ คาดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถบริหารความขัดแย้งภายในองค์กรได้

ซึ่งก็ย้ำอีกรอบว่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีความขัดแย้งใด ๆ กับ "บิ๊กโจ๊ก" และยังบอกด้วยว่า หากต้องเกษียณอายุราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก็ไม่กังวล เพราะคนเรามาเพื่อจาก จะกลับหรือไม่กลับ ตนก็เป็น ผบ.ตร. คนที่ 14

ส่วน "บิ๊กโจ๊ก" ที่อายุราชการเหลืออีก 6-7 ปี บอกว่า พร้อมทำงานเต็มที่ ส่วนเรื่องที่แถลงข่าวไปแล้ว ก็จะยึดดำเนินการตามนั้น วันนี้คงไม่ต้องไปพบพนักงานสอบสวนแล้ว เพราะ ผบ.ตร. บอกจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พร้อมกับหัวเราะ เมื่อถูกถามว่า มีคนบอกว่าเป็นแมว 9 ชีวิต ตอนนี้เหลืออีกกี่ชีวิต

เรื่องนี้ดูเหมือนจะปิดจบสยบความขัดแย้งที่ส่งสำนวนคดี BNK Master ไปที่ ป.ป.ช. แต่ผู้การแต้ม พลตำรวจตรีวิชัย สังข์ประไพ บอกว่าตามกฎหมายแล้ว ผบ.ตร. ไม่มีอำนาจแทรกแทรงการทำงานของพนักงานสอบสวน รวมถึงนายกรัฐมนตรีด้วย จะมาสั่งว่าให้ส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานไหนทำไม่ได้ หากไม่เข้าข้อกฎหมาย อย่าลืมว่าคดี BNK Master มีการแจ้งความจนออกหมายเรียกบิ๊กโจ๊กเกี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่ใช่มาตรา 157 ดังนั้นจะส่งสำนวนไปที่ ป.ป.ช. ไม่ได้ หากจะส่งได้ต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเท่านั้น

ส่วนเรื่องที่ทั้ง บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก ต้องเข้ากรุ ไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี จะช่วยกาวใจทั้งคู่ได้หรือไม่ ผู้การแต้มบอกว่า วันนี้ชัดแจ้งว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นระหว่างบิ๊กต่อและบิ๊กโจ๊ก และไม่มีทางที่จะกลับมารักกันได้อีกแล้ว แก้วในเมื่อมันร้าวแล้ว รอเพียงแค่วันแตกเท่านั้น และสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ตำรวจทะเลาะกันมีแค่ 2 อย่าง คือ อำนาจ และผลประโยชน์

และที่สำคัญอักษรย่อที่แฉกันก่อนหน้า ร้อนจนบิ๊กต่อก็ต้องกระเด็นเข้ากรุ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. ต้องเดินหน้าต่อนะ เพราะเมื่อมีอักษรย่อ แสดงว่ามันต้องมีชื่อจริง และต้องมีมูล ต้องทำคดีให้กระจ่าง ไม่ใช่เพื่ออะไร เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้

เช่นเดียวกับหนึ่งในคณะพนักงานสอบสวน เปิดเผยกับทีมสนามข่าว 7 สี ว่าในการดำเนินคดีอาญาไม่สามารถยุติการสอบสวน และโอนคดีเว็บ BNK Master ให้ ปปช. ดำเนินคดีต่อได้ เนื่องจากว่าไม่ได้เข้าข่ายคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำผิด เพราะคดี BNK นี้เป็นความผิดส่วนบุคคลฐานสมคบร่วมกันฟอกเงิน ไม่ได้ใช้หน้าที่ในการกระทำผิด ฉะนั้นพนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจโดยชอบในการดำเนินคดี และจะเดินหน้าทำคดีต่อไป

ส่วนวันนี้ (21 มี.ค.) ผู้ถูกกล่าวหาจะมารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่พนักงานสอบสวนถือว่าได้มีการส่งหมายเรียกครั้งที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้ผู้ถูกกล่าวหายังไม่มีการแจ้งมายังทางพนักงานสอบสวน ว่าจะเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งหากพ้นวันนี้ไปแล้วยังไม่ ก็จะดำเนินการออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 26-27 มีนาคมนี้

แม้ยังไม่มีรายงานว่าบิ๊กโจ๊กจะมารับทราบข้อกล่าวหาหรือไม่ แต่ว่าทางพนักงานสอบสวนได้ประสานขอเครื่องพิมพ์ลายนิ้วมือแบบไลท์สแกน มาเตรียมการไว้ที่ บก.น.2 ซึ่งเป็น ที่ทำการของพนักงานสอบสวนคดีนี้ เพราะเดิมทีที่นี่ไม่ได้มีเครื่องพิมพ์ลายนิ้วมือ เนื่องจากปกติแล้วผู้ถูกกล่าวหาจะต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สถานีตำรวจ แต่กรณีนี้เพื่อถูกกล่าวหาเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่

สนามข่าว 7 สี ยกหูไปสอบถามข้อมูลจากพลตำรวจเอก วินัย ทองสอง อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 1 ในคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องบิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก บอกว่า การสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้ไม่ได้สอบแค่เรื่องบิ๊กโจ๊กเท่านั้น แต่ต้องสอบเรื่องที่มีการแฉอักษรย่อ นายพล ต. พร้อมครอบครัวด้วย ที่อ้างว่าเส้นเงินมีความเชื่อมโยงกับเว็บฯ พนัน ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยจะสอบทุกประเด็นให้กระจ่าง

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark