จะไม่แพ้ตลอดกาล "เศรษฐา" ลั่นเป้าหมายเดียวในชีวิต ต้องพา เพื่อไทย ชนะเลือกตั้งครั้งต่อไปให้ได้

“เศรษฐา” เปิดประสบการณ์ถูกอภิปรายครั้งแรก  ไม่คิดชีวิตนี้ต้องยืนบนเวทีฟังคนด่า แล้วทำได้แค่กัดฟันทนฟังทั้งที่ไม่จริง 

วันนี้ (5 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวปาฐกถาในการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2567 ของพรรค ระบุว่า การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ 2 วันที่ผ่านมา ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ ที่ไม่เคยคาดคิด ว่าชีวิตนี้ต้องไปยืนบนเวที และ ต้องถูกต่อว่าในหลายเรื่อง ทั้งที่ไม่เป็นความจริง แต่ก็ต้องกัดฟัน พร้อมขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และ จริงใจตลอด 13 เดือนที่ได้เข้ามาเป็นสมาชิก 

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา เราแพ้เลือกตั้ง ฟังแล้วบีบหัวใจ ในฐานะสมาชิกพรรค และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก็เจ็บปวดและต้องรับผิดชอบส่วนหนึ่งด้วย ทั้งการเข้าถึงพี่น้องประชาชนไม่เต็มที่ การไม่ไปดีเบต  คงไม่มาแก้ตัวใดทั้งสิ้น ขอน้อมรับกับผลที่ออกมา แต่ตนเองเป็นคนที่ไม่แพ้ตลอดกาล เพราะเรื่องเดียวที่มีความปรารถนาต่อจากนี้ คือ ต้องนำพาพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไปให้ได้  

"ผมบอกกับทุกคน เพื่อน ครอบครัวทุกคนว่า อย่างเดียวในชีวิต ผมจะต้องชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ผมไม่สามารถทำได้ ผมจะทุ่มเทกายและใจ ในอีก 3 ปีครึ่งข้างหน้านี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราทุกคนในพรรค ที่จะไปถึงจุดๆ นั้นให้ได้" นายเศรษฐา กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยมี 141 จาก 500 เสียง มีรองประธานสภาฯ มีนายกฯ มีรองนายกฯ มีรัฐมนตรีในกระทรวงต่าง ๆ ควรโฟกัสเรื่องเหล่านี้แทนที่จะโฟกัสกันว่าคนอื่นเขามีอะไร หรือ พรรคอื่นเขาได้อะไร พร้อมยกตัวอย่าง เรามักมองว่าสนามหญ้าหน้าบ้านเราไม่เขียวเท่าคนอื่น เราต้องช่วยกันรดน้ำใส่ปุ๋ย แทนที่จะไปนั่งมองบ้านคนอื่น สนามหญ้าบ้านเราจะได้เขียวขจี อีกทั้ง เรามีอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยกลับมาแล้วด้วย องค์ประกอบเหล่านี้เพียงพอหรือไม่ที่จะพาทุกท่านไปข้างหน้าได้ ขอให้มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ ตลอดระยะเวลาอีก 3 ปีครึ่ง  ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเล็กหรือใหญ่ เราจะทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง รับฟังประชาชนทุกคน และตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนทุกคน

ขณะที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำในระหว่างกล่าวปาฐกถาเช่นกันว่า ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมจะสรุปผลงานของพรรคเพื่อไทย ให้เห็นว่าผลงานพรรคไม่ต้องรอถึง 10 เดือนจะเป็นอย่างไรบ้าง