ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

คดีพลิก อ้างวิสามัญฯ ผิดตัว ที่แท้เป็นโจรขโมยสายไฟจริง

เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีเพจสายไหมต้องรอดพา นายสมพงษ์ ปิ่นแก้ว หรือ ต้อย ร้องกองปราบว่า เพื่อนรุ่นพี่ถูกตำรวจวิสามัญผิดตัว ถูกยัดข้อหาเป็นโจรขโมยสายไฟ ต่อมา รายการถกไม่เถียง เชิญมาออกรายการ เปิดพื้นที่ให้นายสมพงษ์พูดในมุมตัวเอง ซึ่งมีข้อพิรุธหลายอย่าง ปรากฏว่าต่อมานายสมพงษ์สารภาพแล้วว่า เขากับนายอำพลเข้าไปขโมยสายไฟในโรงงานจริง แต่ยังอ้างว่าไม่ได้ยิงต่อสู้กับตำรวจ 

นี่เป็นช่วงที่นายสมพงษ์รับสารภาพต่อหน้าผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ และคุณเอกภพ สายไหมต้องรอด ว่า ตนเองเข้าไปขโมยของในโรงงานจริง หลังจากไปร้องกับเพจสายไหมต้องรอดก่อนหน้านี้ว่า เพื่อนรุ่นพี่ถูกตำรวจวิสามัญผิดตัว หาว่าเป็นโจรลักสายไฟในโรงงานเอทานอล  ความจริงแค่จอดรถลงไปปัสสาวะ ในพื้นที่ป่ายูคาลิปตัสใกล้โรงงาน แต่กลับถูกตำรวจยิง ทั้งที่ตนกับรุ่นพี่มีอาชีพเผาถ่านขาย จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อปืนมายิงกับตำรวจ

ซึ่งก่อนนายสมพงษ์จะรับสารภาพ ต้องให้เครดิตกับผู้สื่อข่าวช่อง 8 ที่ไปไล่กล้องวงจรปิดจนพบว่า นายสมพงษ์กับนายอำพล เคยใช้รถกระบะคันนี้ขนท่อสีดำออกจากในโรงงานมาแล้วเมื่อ 6 เมษายน ส่วนวันที่ 9 ที่ยิงกับตำรวจครั้งแรก และ 10 เมษายน ซึ่งเป็นวันวิสามัญ ก็มีหลักฐานพบเห็นรถกระบะติดรั้วของนายสมพงษ์อยู่บนถนนใกล้โรงงาน ทำให้นายสมพงษ์รับสารภาพอย่างจำนนด้วยหลักฐาน

ขณะกำลังทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณของนายอำพล เมื่อ 13 เมษายนที่ผ่านมา ในพื้นที่เกิดเหตุโรงงานเอทานอล หมู่ 13 บ้านหนองเหียง ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา แต่ในคำรับสารภาพ ยังไม่ยอมรับว่าตนเองมีอาวุธ อ้างว่าตนเองไม่ได้ใช้อาวุธดวลปืนกับตำรวจอย่างที่ฝ่ายตำรวจระบุ ซึ่งตรงนี้ ผู้กำกับ สภ.เขาหินซ้อน ระบุว่า ฝ่ายที่วิสามัญเป็นตำรวจจากทางหน่วยปฏิบัติการพิเศษ จังหวัดฉะเชิงเทรา ยืนยันว่า ฝ่ายผู้เสียชีวิตและนายสมพงษ์ คือคนร้ายที่เคลื่อนไหวในพื้นที่มานาน มีพยานยืนยันได้ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนจะต้องหาพยานหลักฐานประกอบในสำนวนคดี
 
แต่มีประเด็นกรณีที่นายสมพงษ์ หรือ ต้อย ผู้ต้องหา ออกมาเล่าผ่าน รายการถกไม่เถียง เมื่อ 12 เมษายนที่ผ่านมา มีหลายช่วงที่ปากคำของนายสมพงษ์มีพิรุธ ผ่านการซักถามของ คุณทิน โชคกมลกิจ และ ผู้การแต้ม พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ โดยยกตัวอย่างบางช่วงบางตอน เช่น ตอนที่คุณทินถามจี้นายสมพงษ์ว่า เคยไปจุดเกิดเหตุมาก่อนหรือไม่ นายสมพงษ์บอกว่าไม่เคย แต่ทำไมสามารถบอกพี่สาวให้ไปจุดเกิดเหตุได้ถูกต้อง ทั้งที่อ้างว่าไม่เคยไปแถวนั้นมาก่อน ช่วงนี้จะเห็นนายสมพงษ์มีท่าทีอึกอัก ตอบไม่ได้

และเมื่อผู้กำกับ สภ.เขาหินซ้อน โฟนอินเข้ามาในรายการ ตอกย้ำว่านายสมพงษ์เคยมาจุดเกิดเหตุก่อนหน้านี้ โดย รปภ.ชี้ตัวได้ว่าเคยมา

และก็มีช่วงจังหวะที่ผู้การแต้ม พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ ซักถามกับนายสมพงษ์เกี่ยวกับบางช่วงเวลาตอนเกิดเหตุ ก่อนตำรวจวิสามัญ นายสมพงษ์ก็ตอบคำถามขัดแย้งกับที่ให้ปากคำก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า ขับรถกระบะตอนเดียวออกไปตระเวนเก็บต้นไม้ที่ตายแล้ว เพื่อนำมาเผาทำถ่านขาย ระหว่างทางตนและพี่ชายลงไปปัสสาวะใกล้โรงงานที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงปืนหลายนัด ตนจึงวิ่งขึ้นรถแล้วตะโกนบอกให้พี่ชายขึ้นรถ แต่พี่ชายขึ้นรถไม่ทัน ถูกยิงเสียชีวิต

ซึ่งผู้การแต้มให้สัมภาษณ์กับ รายการเช้านี้ที่หมอชิต เพิ่มเติมว่า จากการซักถามนายสมพงษ์ในรายการถกไม่เถียง ตนจับสังเกตได้ว่า คำพูดของนายสมพงษ์น่าจะมีการตระเตรียม หรือถูกสอนให้พูดมาก่อน เพราะขัดแย้งกันเอง เพราะหากเป็นไปอย่างที่นายสมพงษ์พูด ไม่น่าเกิดการวิสามัญฆาตกรรมของตำรวจอย่างแน่นอน

ซึ่งผู้การแต้มก็ฝากว่า เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กรณีที่ผู้กระทำผิดจริง กล้ามาร้องเรียนผ่านกลุ่มต่าง ๆ รวมถึงสื่อมวลชน ว่า สุดท้ายแล้วหนีไม่พ้นความผิด ฉะนั้นกลุ่มบุคคลที่จะช่วยเหลือ ต้องกลั่นกรองข้อร้องเรียนต่าง ๆ ให้ดี เพราะจะขัดกับพยานหลักฐาน ทำให้เสียรูปคดีได้

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark