สั่งย้ายรองผู้ว่าฯ เซ่นปมหนุ่มคู่ขาบุกตบเมียหลวง
เช้านี้ที่หมอชิต - ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งย้าย "รองผู้ว่าฯ" ท่านหนึ่งในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ขณะที่โซเชียลจับโยงข่าวฉาว สาเหตุมาจากหนุ่มคนสนิทบุกตบเมียหลวง
เป็นประเด็นฉาวที่สมาชิกโซเชียลเดากันให้วุ่น หลังบรรดาเพจชื่อดังหลายแห่ง ปล่อยคำใบ้ว่า "รองผู้ว่าฯ ท่านหนึ่ง" ในพื้นที่ภาคใต้ มีโลก 2 ใบ สุดท้ายโลกใบที่ 2 ที่เป็นชายคนสนิท บุกไปตบภรรยาหลวง จนเป็นเรื่องเป็นราว
กระทั่งเมื่อช่วงค่ำ 28 เมษายนที่ผ่านมา มีเอกสารลงชื่อ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ย้าย "รองผู้ว่าฯ" ไปช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย และมีการปลดป้ายชื่อออก จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
ขณะที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่ง ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "หนุ่นคนสนิท" ของ "รองผู้ว่าฯ" ออกมาชี้แจงว่า มีการนำคลิปของตนเองไปใช้ในทางที่ไม่เป็นธรรมกับตนเอง และ "รองผู้ว่าฯ" ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนเองเคารพนับถือเสมือนพ่อคนหนึ่ง หลังจากสูญเสียคุณพ่อจากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อปี 58 ส่วน "รองผู้ว่าฯ" เป็นนายอำเภอในขณะนั้น
จากวันนั้น "รองผู้ว่าฯ" ได้เมตตาอุปการะให้เป็นลูกบุญธรรม ตามที่ท่านได้ประกาศต่อหน้าสาธารณะ ส่วนเหตุการณ์ในคลิป เป็นการแสดงออกถึงความรักอันบริสุทธิ์ ระหว่างพ่อกับลูกบุญธรรม และเป็นหลักการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีคนมุสลิม คือ การจูบมือ การหอมแก้มซ้ายขวา
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังโพสต์ชี้แจงอีกครั้งว่า ระหว่างตนเองและภรรยารองผู้ว่าฯ ไม่ได้เป็นคู่กรณีกัน และยังติดต่อกันปกติ จากนี้จะแจ้งความดำเนินคดีบุคคลที่ใส่ร้าย
ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ศาลากลางจังหวัดแห่งหนึ่ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากภรรยาหลวง แต่เมื่อไปถึง ทราบว่า ภรรยาของรองผู้ว่าฯ คนดังกล่าว ลางานไม่มีกำหนด นับตั้งแต่เกิดเรื่องราวขึ้น โดยทราบเพียงว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหา และปล่อยคลิปไปกินข้าวกับ "รองผู้ว่าฯ" ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่เป็นผู้ชายอีกคน ที่มีปัญหากับฝ่ายภรรยา
มีรายงานว่า ทาง กระทรวงมหาดไทย ส่งหนังสือด่วนถึงต้นสังกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานปกครองท้องถิ่นในจังหวัด ให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
ส่วนทางผู้บริหารจังหวัด ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลใด ๆ แต่เมื่อวันที่ 26 และ 27 เมษายนที่ผ่านมา ทาง กระทรวงมหาดไทย ได้ส่งเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งสอบพยานที่อยู่ในบ้านพักรองผู้ว่าฯ ในช่วงระหว่างเกิดเหตุ ทั้ง เจ้าหน้าที่ อส.ประจำบ้านพัก รวมทั้งข้าราชการที่ก่อเหตุ เพื่อเป็นข้อมูลในการดำเนินการตรวจสอบทางวินัยต่อไป
