ข่าวอื่นๆ

ช้าง เอฟเอ คัพ 2022/23 : พรีวิวรอบชิงชนะเลิศ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด


พรีวิวความพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ 2022/23 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ธรรมศาสตร์ สเตเดียม ในวันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม 2566

โดยเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ได้มีการจัดงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนการแข่งขันขึ้น ซึ่งภายในงาน ซารีฟ สายนุ้ย ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า "จริงๆ ก็เหนื่อยทุกเกม แต่การไปเยือนพิษณุโลก ก็เป็นเกมที่ยากลำบาก ด้วยเกมเยือนเพราะเจ้าบ้านมุ่งมั่นทั้งเกม และเราเหลือนักเตะน้อยกว่า และเป็นการผ่านบทพิสูจน์จนมาถึงรอบชิงฯ ผมมองว่าในเรื่องสถิติคือสถิติ เราพูดเสมอว่าบอลถ้วยเป็นเกมนัดเดียวก็ต้องว่ากันวันนั้นว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นบ้าง สถิติก็เป็นเรื่องของสถิติ"


 
"เราก็เอาบทเรียนจากเกมที่เราเคยเจอพวกเขามาสร้างความมั่นใจในเกมวันอาทิตย์ แต่อยากให้มองเป็นแค่หนึ่งเกม ไม่อยากให้ดูสถิติ เพราะตลอดการเดินทาง เราทำงานกันมายาวนาน มันมีช่วงเวลาแต่ละทีม บางทีมดีบางทีมไม่ดี แต่สถิติที่เกิดขึ้นก็อาจจะพลิกไปอีกแบบ"

"เราพยายามกระตุ้นให้นักฟุตบอลมีสมาธิกับเกมนี้มากที่สุด ก็คุยกันมาตลอดตั้งแต่ผ่านรอบรองฯ พยายามตั้งเป้าไปที่เกมวันอาทิตย์นี้ เราอยากให้โฟกัสในสนามให้ได้มากที่สุด เกมนี้ อาจจะเป็นตัวหลักบางคนที่ต้องเช็คเล็กน้อย แต่ตำแหน่งอื่นๆก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะเรามีนักเตะให้เลือกใช้ค่อนข้างครบ ความพร้อมโดยรวมก็ถือว่าดีมาก เราต้องดูอีกทีว่าโค้ชแบนจะตัดสินอีกครั้ง ในสนามซ้อมวันนี้ก็น่าจะเห็นและรอดูในวันแข่งขัน"

"อยากฝากแฟนบอลไทยทุกคนก่อนว่าเกมนี้เป็นเกมที่สนุก สำหรับแฟนบอล อยากให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ทั้งแบงค็อก และ บุรีรัมย์ จะสร้างเกมนี้ให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะแฟนบอลแบงค็อก เกมนี้เราได้เล่นในบ้านอยากให้ทุกคนเข้ามาสร้างกำลังใจส่งเสียงเชียร์ใหันักเตะตลอดทั้งเกม เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ "


 
ด้าน ชญาวัต ศรีนาวงษ์ นักเตะของสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า "สำหรับผม การไปเยือนพิษณุโลก เกมนั้นเราเหลือนักเตะสิบคนก็เป็นปัญหาของเรา ในการเอาชนะเพื่อเข้ารอบรองชนะเลิศ และเราชนะไป 2-1 ก็เป็นเกมที่ยากและหืด เสียงเชียร์ก็มีผล ยิ่งเป็นทีมที่ลีกต่างจากเรา เขาก็มีความตั้งใจมากขึ้นในการเอาชนะทีมใหญ่"

"จุดแข็งของบุรีรัมย์ น่าจะเป็นเกมรุก ที่มีทั้งด้านซ้าย และด้านขวา ที่มีความหลากหลาย แต่ก็ทำประตูจากลูกกลางอากาศจากที่ทำการบ้านมา เราต้องปิดลูกครอสเขาได้ ก็อาจจะตัดปัญหาไป ตอนนี้ก่อนซ้อมทุกคนก็ตั้งใจมาก ทุกคนรู้สึกว่าต้องมีพลังให้มากขึ้นในเกมต่อไป เรามีความมั่นใจในการซ้อม และสนุก รวมถึงมีประสิทธิภาพ เราไม่กลัวแน่นอน เราไม่ได้กดดันในเกมนัดชิง บุรีรัมย์ ประสบความสำเร็จมาเยอะในนัดชิง แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด ก็รู้สึกว่าเราจะทำเกมนี้ให้เหมือนทุกเกมที่เราชนะมาได้ ยังไงก็อยากทำประวัติศาสตร์ให้แบงค็อก บุรีรัมย์ เตรียมอกหักได้เลยนะครับ"

ขณะที่ สมาพร ผลบุตร ผู้อำนวยการสายงานฟุตบอลสโมสรตัวแทนจากสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า "เกมวันนั้นที่เราแพ้ แบงค็อก ถือเป็นเกมที่สูสี เล่นดีทั้งสองทีมเพียงแต่จังหวะที่แบงค็อกได้ประตูชัย มันเป็นจังหวะที่ไม่มีเวลากลับไปได้แล้ว เราจะกลับมาแก้ไขในเกมนัดชิงชนะเลิศ"

"บุรีรัมย์ เราตั้งเป้าหมายตั้งแต่ปีที่แล้ว เราตั้งสามแชมป์ ปีนี้ก็เช่นกัน เป้าหมายเราไม่เคยเปลี่ยนเราได้มาแล้ว 2 แชมป์ นี่คือนัดสุดท้าย เราไม่กดดัน เพราะเรามีประสบการณ์การเข้ารอบชิงโชกโชน นักกีฬาอาจจะกดดันบ้าง แต่การผ่านเกมแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว"

"เราเพิ่งเตะมาเมื่อสุดสัปดาห์ และนักกีฬาก็ได้พักและได้กลับมาซ้อมเรียบร้อย ไม่มีใครติดโทษแบน ส่วนคนเจ็บก็เล็กน้อย แต่คิดว่าเมื่อถึงเกมนัดชิงทุกคนน่าจะฟิตสมบูรณ์ เรื่องเปลี่ยนนักเตะก็คงบอกไม่ได้ ส่วนสนามเกมนี้ เป็รสนามกลางเราพร้อมรับแชมป์ทุกที่ เราไม่มีปัญหา ต่อให้เป็นสนามไหน แฟนบอลบุรีรัมย์ ก็ไปทุกที่ ตอนนี้บัตรก็ใกล้หมดแล้ว คิดว่าเกมนี้น่าจะมีแฟนบอลเต็มสนามแน่นอน"


 
ส่วน นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กัปตันทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กล่าวว่า "ผมคิดว่ารายการนี้มันยากทุกรอบ เพราะเราต้องทำการบ้านอย่างหนักในทุกเกม เกมที่เจอกับอุทัยธานี ก็เป็นเกมที่ยาก ด้วยการที่เราไปเยือนและเจอแฟนบอล ก็ทำให้เกมมันยาก แต่ก็ดีใจที่ผ่านไปได้ เกมนั้นเรานำไปก่อนและมาโดนตีเสมอ และยังโชคดีที่เราชนะมาได้"

"แบงค็อกเป็นทีมที่เสียประตูยาก มีเกมรับที่รัดกุมและเกมรุกก็ดี เราก็ทำการบ้านว่าจะเจาะแบงค็อกอย่างไร ส่วนตัวผมเป้าหมายคือการได้สามแชมป์ เราต้องการป้องกันให้ได้ สิ่งสำคัญคือ บุรีรัมย์ อยากเอาคืนแบงค็อก เพราะเขาชนะพวกเราในลีก เกมนี้ก็เป็นเกมที่สำคัญของบุรีรัมย์ เพราะเราต้องการป้องกันแชมป์ให้ได้ พวกเราทุกคนพร้อมสำหรับเกมนี้ในการป้องกันแชมป์หวังว่าแฟนบอลบุรีรัมย์ และแบงค็อก จะมากันให้เต็ม และเกมนี้จะเป็นเกมที่ประทับใจแน่นอน"

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลร ช้าง เอฟเอ คัพ 2022/23 จะทำการแข่งขันแบบน็อคเอาท์ หากหมดเวลาการแข่งขันแล้วทั้งสองทีมยังเสมอกัน จะทำการต่อเวลาพิเศษครึ่งละ 15 นาที และหากยังไม่ทราบผลแพ้ชนะ จะตัดสินด้วยการเตะลูกโทษ ณ จุดโทษ เพื่อหาผู้ชนะเข้ารอบรองชนะเลิศ โดยทีมแชมป์จะได้รับเงินรางวัล 5 ล้านบาท รวมไปถึงสิทธิ์ในการไปแข่งขันรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023/24 ส่วนทีมรองชนะเลิศ รับเงินรางวัล 1 ล้านบาท และยังมีรางวัล Chang Sportsmanship Award สำหรับที่สุดของนักฟุตบอลผู้มีน้ำใจนักกีฬาตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์อีกด้วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark