รวบหญิงไทยเครือข่ายแก๊งโรแมนซ์สแกม อ้างโดนบังคับหลังถูกหลอกมีสัมพันธ์จนตั้งครรภ์

ประเด็นเด็ด 7 สี - ตำรวจรวบหญิงไทย 2 คน เครือข่ายแก๊งโรแมนซ์สแกมไนจีเรีย อ้างถูกหลอกมีสัมพันธ์จนตั้งครรภ์ ก่อนโดนบังคับให้ร่วมขบวนการ โดยจะตั้งโพรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อ-รวย หลอกหญิงไทยขี้เหงา โอนเงินสูญกว่า 20 ล้านบาท

ตำรวจภูภาค 5 คุมตัวนางสาวพิไลวรรณ นันชัยภูมิ อายุ 23 ปี และนางสาวชลนิชา ทาระวัน อายุ 24 ปี เครือข่ายแก๊งโรแมนซ์สแกม ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น หรือรับของโจร มาสอบปากคำขยายผล หลังตำรวจติดตามจับตัวได้ที่ด่านพรมแดนสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา

แก๊งโรแมนซ์สแกมกลุ่มนี้ มีชาวไนจีเรียเป็นหัวหน้าแก๊ง พฤติกรรมจะให้ลูกทีมหลอกมีความสัมพันธ์กับหญิงไทยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ โดยหญิงไทยสองรายที่ถูกจับได้ครั้งนี้ ทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย หลังมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ก็จะปล่อยให้ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ เพื่อบังคับให้เข้าร่วมทำงานกับเครือข่าย ทำหน้าที่ให้บุคคลอื่นมาเปิดบัญชีให้ และเดินสายกดเงิน

ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจภูธรภาค 5 ว่าถูกคนร้ายใช้โปรแกรมแช็ต ทั้ง อินสตาแกรม และวอทแอพ ขึ้นภาพโพรไฟล์เป็นชาวต่างชาติหน้าตาดี ทำทีติดต่อพูดคุยอ้างเป็นคนมีฐานะร่ำรวย และมีทรัพย์สินมากมาย ต้องการมีความสัมพันธ์กับหญิงไทย หลังผู้เสียหายหลงเชื่อ ตกลงคบหา เครือข่ายนี้ก็จะอ้างว่าจะส่งพัสดุเป็นของขวัญมาให้จากประเทศเกาหลี และขอให้ผู้เสียหายส่งที่อยู่ปัจจุบันและเบอร์โทรไปให้

หลังจากนั้นได้หลอกต่ออีกว่า พัสดุถูกส่งมายังประเทศมาเลเซียแล้ว แต่ไม่สามารถส่งต่อมายังประเทศไทยได้ เนื่องจากต้องชำระค่าภาษีเป็นเงิน 3,000 ริงกิตมาเลเซีย หรือประมาณ 23,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อและได้โอนเงินไปยังหมายเลขบัญชีธนาคารของหญิงไทยคนหนึ่ง

จากการการสอบปากคำ 1 ในผู้ต้องหาที่กำลังตั้งครรภ์ ยอมรับว่า ชายต่างชาติชาวไนจีเรียได้เข้ามาตีสนิท และพยายามจะให้เธอมีลูกเพื่อผูกมัด หลังตั้งครรภ์จึงถูกมัดมือชกให้เข้าร่วมในขบวนการ ซึ่งเธอเองก็ตกเป็นเหยื่อในเครือข่ายนี้เช่นกัน

ตำรวจฝากเตือนประชาชน โดยเฉพาะผู้หญิงสูงอายุที่มีฐานะทางการเงิน หรืออยู่ในวัยเกษียณ และชอบเล่นโซเชียล ให้ระมัดระวังอย่างหลงเชื่อชาวต่างชาติที่เข้ามาตีสนิท เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของแก๊งโรแมนซ์สแกม ซึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่ไปทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ที่ผ่านมามีหญิงไทยตกเป็นเหยื่อ และสูญเงินไปแล้วกว่า 20 ล้านบาท