คุมตัว ผอ.โรงเรียนสอบเข้ม กราดยิง-ชิงทอง อ้างทำไปเพราะเครียด หวังโดนจับตาย

ประเด็นเด็ด 7 สี - ความคืบหน้าคดีตำรวจจับกุม ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี หลังหลักฐานมัดตัวว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญ กราดยิงแล้วชิงทองในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองลพบุรี ล่าสุดตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาเข้าไปยังกองบังคับการปราบปรามแล้ว เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนจะแถลงรายละเอียดต่าง ๆ ในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.)

ผ่านมาแล้ว 13 วัน หลังเกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุสะเทือนขวัญในห้างสรรพสินค้ากลางเมืองลพบุรี ใช้ปืนกราดยิงคนในห้างจนมีผู้เสียชีวิตถึง 3 คน ก่อนเข้าไปชิงทอง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาตำรวจลงพื้นที่หาเบาะแสรวบรวมพยานหลักฐาน กระทั่งเมื่อวานนี้ (21 ม.ค.) ศาลอนุมัติหมายจับ นายประสิทธิชัย เขาแก้ว อายุ 39 ปี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสิงห์บุรี

นายประสิทธิชัย ถูกตำรวจคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาซักถามด้วยตัวเอง ท่ามกลางชาวบ้านนับร้อยคนที่มารอดูโฉมหน้าของคนร้ายและต่างพากันตะโกนสาปแช่ง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะเข้าจับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ต่อสู้และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จากการสอบปากคำเบื้องต้น เขายอมรับว่าก่อเหตุจริง โดยทำเพียงคนเดียวและรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไป ยืนยันไม่มีการจับแพะ เพราะหลักฐานมัดตัว อีกทั้งผู้ต้องหารายนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ตำรวจล็อกเป้าไว้ตั้งแต่ต้น

ส่วนเหตุจูงใจตำรวจยังไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน แต่ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ผู้ต้องหาอ้างว่า เครียดและมีปัญหาชีวิต จึงไปก่อเหตุเพื่อหวังถูกตำรวจวิสามัญ

หนึ่งในหลักฐานชิ้นสำคัญ คือ ปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจระบุว่า เป็นปืนพ่อของนายประสิทธิชัย วันนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานพร้อมชุดสืบสวนเข้าไปเก็บหลักฐานที่บ้านพักของพ่อและแม่ของเขา ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองลพบุรี จากการที่ทีมข่าวสังเกตุ เห็นปืนพกขนาดสั้น และยาวอย่างละ 1 กระบอก ก่อนที่พ่อของผู้ต้องหาซึ่งเป็นอดีตตำรวจจะถูกเชิญตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติม

ด้านเพื่อนบ้าน บอกว่า ผู้ต้องหาเคยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ แต่เพิ่งย้ายออกไปอยู่กับภรรยาหลังแต่งงานไม่นานและไม่ค่อยกลับบ้าน พร้อมให้ข้อมูลว่า นายประสิทธิชัยเคยผ่าตัดที่ขา แต่ไม่คาดว่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทอง

ส่วนผู้ต้องหา ขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างคุมตัวไปที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อสอบปากคำอย่างละเอียด หาสาเหตุที่แท้จริงในการก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้