ฝนถล่มหนัก ตัวเมืองโคราชจมบาดาล น้ำท่วมถนน-บ้านเรือน ปชช.

เช้านี้ที่หมอชิต - ฝนถล่มหนักนานเกือบ 2 ชั่วโมง ตัวเมืองโคราชอ่วมจมบาดาล น้ำท่วมถนนสูงครึ่งล้อรถ แถมยังท่วมร้านค้า บ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อน

นี่คือ ภาพเหตุการณ์บนถนนสายต่าง ๆ ในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (15 ต.ค.) ภายหลังมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่ช่วงเย็นต่อเนื่องถึงค่ำ นานเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้มีน้ำเจิ่งนองท่วมขังถนนทั้งสายหลักและสายรอง

ไม่เว้นแม้แต่ในตรอกซอกซอย ทำให้การเดินทางของผู้คนเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถติดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร โดยพบระดับน้ำในจุดต่าง ๆ สูงประมาณ 30 เซนติเมตร ขณะที่บางจุดสูงเกือบ 50 เซนติเมตร ทำให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายคัน ที่ขับฝ่าน้ำฝนและลุยน้ำท่วมถนน เกิดรถเสียเครื่องดับกลางทางไปตาม ๆ กัน 

และพบ รถเก๋งบางคันเสียหลักตกท่อระบายน้ำข้างทาง จนหน้าทิ่ม จมน้ำเกือบครึ่งคัน โดยขณะเกิดเหตุ ทางเทศบาลนครนครราชสีมา ได้ประกาศแจ้งประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมขัง เพื่อรอการระบายในหลายจุด ทั้งถนนมิตรภาพ ถนนสุรนารี ถนนจอมพล และถนนเดชอุดม ไม่เว้นแม้แต่ถนนหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัด  

และพบว่า น้ำที่ท่วมขังดังกล่าว ได้ทะลักเข้าท่วมร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมถนนได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ขณะที่สถานีอุตุนิยมวิทยานครราชสีมา ได้เปิดเผยข้อมูลการวัดปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาตลอดช่วงเย็นถึงค่ำวานนี้ (15 ต.ค.) อยู่ที่ 102.8 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่า มีปริมาณมากที่สุดในรอบปี และมากกว่าทุกครั้ง ที่เกิดฝนตกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนลำพระเพลิง พื้นที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งรับน้ำมาจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง และอำเภอวังน้ำเขียว ในช่วงน้ำท่วมก่อนหน้านี้

พบว่าล่าสุด เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) ระดับน้ำในเขื่อนเริ่มลดลงแล้ว หลังจากมีการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ต่ำท้ายเขื่อนอย่างต่อเนื่อง วันละกว่า 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้มีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านหลายตำบลได้รับความเสียหาย และไม่เพียงแต่ปริมาณน้ำที่ไหลมาจากท้ายเขื่อนลำพระเพลิงเท่านั้น ยังมีน้ำที่มาจากลำน้ำมูลบน เอ่อล้นตลิ่ง ไหลทะลักเข้ามาสมทบ ท่วมพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน อำเภอปักธงชัย และหลายตำบล ในอำเภอโชคชัย ซึ่งมีเขตติดกันได้รับความเสียหายไปด้วย

รวมถึงถนนหนทาง เข้าออกหมู่บ้านหลายแห่ง บ้านเรือนประชาชน และโรงเรียน ทำให้ต้องสั่งปิดชั่วคราวตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.) จนถึงวันจันทร์ พร้อมกับช่วยกันขนย้ายข้าวของและอุปกรณ์การเรียนการสอน เนื่องจากมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยคณะครูและชาวบ้านจิตอาสา ได้ช่วยกันนำกระสอบทรายมาวางเป็นแนวกั้นไว้ ไม่ให้น้ำทะลักเข้ามาในห้องเรียนและอาคารเรียน