แม่ค้าไหว้ขอโทษ ตบนักเรียนไม่ยืนเคารพธงชาติ ตร.แจงเป็นเรื่องเข้าใจผิด

เช้านี้ที่หมอชิต - ความคืบหน้าคดีที่หญิงคนหนึ่งเข้าไปทำร้ายนักเรียนหญิงที่สถานีรถไฟ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพราะเข้าใจว่าไม่ยอมลุกขึ้นยืนเคารพธงชาติ ต่อมาแม่ค้าเข้าพบตำรวจ ยกมือไหว้ขอโทษพ่อและลุงของเด็กนักเรียนแล้ว ยอมรับ ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ขณะที่ตำรวจระบุ เป็นเรื่องเข้าใจผิด

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงเย็นวันอังคารที่ผ่านมา (27 ต.ค.) โดยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพคนที่อยู่บริเวณสถานีรถไฟลุกขึ้นยืนเคารพธงชาติ แต่มีนักเรียนหญิงอยู่คนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้กับทางรถไฟ ไม่ได้ลุกขึ้นยืน ต่อมามีผู้หญิงคนหนึ่งชี้มือไปทางนักเรียนหญิง และคล้ายกับตะโกนต่อว่า ก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าไปหา แล้วจู่ ๆ ก็ทำร้ายร่างกายนักเรียนหญิง โดยมีเพื่อนนักเรียนห้ามปราม เช่นเดียวกับคนที่อยู่บริเวณนั้นที่เข้ามาช่วยกันห้ามด้วย

หลังเกิดเหตุ ญาติได้พานักเรียนหญิงอายุ 15 ปี ที่ถูกทำร้าย เข้าไปแจ้งความที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ดำเนินคดีกับหญิงที่ก่อเหตุ

ผู้กำกับการ สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายบดินทร์ เกษมศานติ์ นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา รองผู้อำนวยการโรงเรียนที่นักเรียนหญิงศึกษาอยู่ และเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ ร่วมกันสอบปากคำเพิ่มเติม โดย ผู้กำกับการ สภ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นคดีเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ส่วนผู้เสียหายที่ถูกกระทำนั้น ก็กลัวว่าจะเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โต และอาจจะถูกโยงเกี่ยวกับเรื่องสถาบันฯ และการเมือง ซึ่งยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่นักเรียนหญิงไม่ยืนเคารพธงชาติ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง แต่วันเกิดเหตุนักเรียนหญิงเป็นรอบเดือน มีอาการปวดท้อง จึงไม่ได้ยืนขึ้น

ขณะที่ รองผู้อำนวยการโรงเรียน บอกว่า ที่ผ่านมาเด็กมีความประพฤติเรียบร้อย และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ยืนเคารพธงชาติ แต่เนื่องจากปวดท้องเลยไม่ได้ลุกขึ้น

ด้าน หญิงอายุ 45 ปี ที่ก่อเหตุทำร้ายเด็ก เดินทางเข้าพบตำรวจแล้ว พร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษพ่อและลุงของเด็ก ยอมรับว่า ที่ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และบันดาลโทสะที่เห็นเด็กไม่ยืนเคารพธงชาติ จึงเข้าไปถามว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า แต่กลับโดนเด็กย้อนกลับมาว่า เป็นสิทธิส่วนบุคคล ทำให้โมโห

ลุงของนักเรียนหญิง บอกว่า ทางญาติพร้อมที่จะให้อภัยผู้ก่อเหตุ โดยไม่ผูกใจเจ็บ ส่วนในเรื่องของคดีความก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย