ธปท.เปิดมาตรการช่วยลูกหนี้ ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ระลอกใหม่

เช้านี้ที่หมอชิต - ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดมาตรการช่วยลูกหนี้ เช่น การพักหนี้ ลดดอกเบี้ย เปลี่ยนสินเชื่อระยะสั้นให้เป็นระยะยาว บรรเทาผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ที่ระบาดระลอกใหม่

เมื่อวานนี้ (12 ม.ค.) นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้สั่งการให้สถาบันการเงินทั้งธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ และผู้ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ เร่งช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม จากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่

โดยมีมาตรการสำหรับลูกหนี้รายย่อย คือ ขยายเวลาให้รับความช่วยเหลือ จากเดิมครบกำหนด 31 ธันวาคม 2563 ขยายไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ (2564) และลูกหนี้รายย่อย สามารถขอรับความช่วยเหลือด้วยตัวเอง และให้นายจ้าง หรือเจ้าของกิจการ สมัครขอรับความช่วยเหลือแทนลูกหนี้ได้ เช่น ในกรณีสินเชื่อสวัสดิการ

ส่วนความช่วยเหลือลูกหนี้ทุกประเภท ทั้งลูกหนี้ เอสเอ็มอี ลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ และลูกหนี้รายย่อย ให้เป็นไปตามความเหมาะสมกับประเภทสินเชื่อและความเสี่ยง ซึ่งเป็นแนวทางปรับปรุงโครงสร้างหนี้เช่น ลดค่างวด การให้เงินทุนหมุนเวียนและเสริมสภาพคล่องเพิ่มเติม ชะลอการชำระหนี้ และ ผ่อนปรนเงื่อนไขอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

สำหรับลูกหนี้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ควรรีบติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารแต่ละแห่ง หรือ ติดต่อไปที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. โทร.1213 หรือช่องทางด่วนแก้หนี้

ด้านนางวิเรขา สันตะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ธปท. เปิดเผยรายละเอียดการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ถือบัตรเครดิต ให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 งวด คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 12 ต่อปี สินเชื่อบุคคล บัตรกดเงินสด เปลี่ยนเป็นสินเชื่อระยะยาว 48 งวด ดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 22

สินเชื่อส่วนบุคคลที่ชำระเป็นงวด และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ให้ลดค่างวดอย่างน้อยร้อยละ 30 และคิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 22 สินเชื่อรถยนต์ ให้พักหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน และสินเชื่อบ้าน พักหนี้ เงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน หรือลดค่างวด

สำหรับมาตรการดังกล่าวเป็นแบบขั้นต่ำ ธนาคารแต่ละแห่งสามารถเพิ่มเติมความช่วยเหลือลูกหนี้ได้ตามความเหมาะสม โดยธนาคารแห่งประเทศไทย จะติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือลูกหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงินอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถทบทวนมาตรการช่วยเหลือได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป

ขอบคุณภาพจาก : YouTube Bank of Thailand