ข่าวอื่นๆ

คณะสอบสวนฯ เรียกผู้เกี่ยวข้องคู่ นอร์ทกรุงเทพ-บางกอก ชี้แจง คู่กรณีสวมกอดขอโทษกันและกัน


วันที่ 17 มีนาคม 2565 เวลา 09.30 น. ณ ที่ทำการสมาคมฯ คณะกรรมการสอบสวนจรรยานักกีฬาฟุตบอล ดำเนินการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้อง จากเหตุการณ์การกระทบกระทั่งกัน ในการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ รายการ "มังกรฟ้า" ไทยลีก 3 รอบแชมเปี้ยนส์ลีก โซนล่าง นัดแรก คู่ระหว่าง สโมสรมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ 3-0 สโมสรบางกอก เอฟซี เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2565

เกมดังกล่าวมีเหตุการณ์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของการแข่งขันครึ่งเวลาหลัง โดย อิศเรศ น้อยใจบุญ ผู้เล่นหมายเลข 6 ของ บางกอก เอฟซี ที่ทำฟาล์วรุนแรงใส่ ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิตร ผู้เล่นหมายเลข 33 ของ สโมสรมหาวิทยาลัยนอร์ธกรุงเทพ จนได้รับบาดเจ็บและต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งต่อมาปรากฏว่า ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต ได้รับบาดเจ็บมีแผลฉีกขาดฉกรรจ์ที่ริมฝีปากบนขวา มุมปากขวา แผลฉีกขาดที่เหงือกบน กระดูกใบหน้าแก้มขวาร้าว

การชี้แจงครั้งนี้มี พล.ต.ท. อำนวย นิ่มมะโน เป็นประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วย ผู้ชี้แจงประกอบไปด้วย วิเชฐ เทียนทอง ผู้ตัดสิน, บินหลา ปรีดา ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1, พีรทัศน์ กิตติกาญจน์เมธี ผู้ตัดสินที่ 4, เตโชดม ศรีชมภู ผู้ควบคุมการแข่งขัน, ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต ผู้เล่นหมายเลข 33 สโมสรมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ, วีรยุทธ จิตรขุนทด ผู้เล่นหมายเลข 5 สโมสร มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และ อิศเรศ น้อยใจบุญ ผู้เล่นหมายเลข 6 สโมสร บางกอก เอฟซี

ภายหลังการประชุม และพิจารณาของคณะกรรมการ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กล่าวว่า “วันนี้คณะกรรมการวินัยมารยาท ได้เชิญคู่กรณีมาสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น ก็ได้ทราบว่าผู้เล่นหมาย 6 อิศเรศ น้อยใจบุญ รู้สึกสำนึกและทำไปด้วยอารมณ์ ชั่ววูบ และได้ขอโทษน้องหมายเลข 33 ศุภสัณฑ์ เรืองศุภนิมิต ทั้งคู่ ยังมีอนาคต ทั้งคู่ก็ได้รับคำขอโทษซึ่งกันและกัน มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ สามารถตัดสินใจผิดพลาดกันได้ นายอิศเรศ ก็อยากจะแสดงความขอโทษกับน้อง แต่ทางคู่กรณี นายศุภสัณฑ์ ได้ดำเนินการแจ้งความไปที่ สภ.เมืองธัญบุรี ถึงเจตนาการทำร้าย แต่ทางนายอิศเรศ ก็สำนึกผิดแล้ว จริงๆ เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ที่เรียกมาสอบถามก็ถามในทุกมิติ ทั้งฝ่ายผู้ตัดสิน ผู้ควบคุมการแข่งขัน คู่กรณี ทั้งพยานหลักฐาน ผมได้สอบถามพนักงานร้อยเวร มีใบรับรองแพทย์ครบหมดแล้ว”

“นายอิศเรศ เป็นนักกีฬาอาชีพในฟุตบอลมาร่วม 10 ปี เพราะฉะนั้นการเป็นนักกีฬาอาชีพ ต้องมีความเป็นมืออาชีพ อายุ 27 ปี แล้ว เกิดอารมณ์ชั่ววูบ เกมกำลังตามอยู่ 3-0 อีก 2 นาทีหมดเวลา เลยก่อเหตุขึ้น เป็นสิ่งที่นักกีฬาทุกอาชีพไม่ควรทำ กีฬาอาชีพไม่ควรมีสิ่งนี้อยู่ จะทำให้เสียภาพลักษณ์กับวงการกีฬานั้นๆ โดยเฉพาะกีฬาฟุตบอลของเรา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สื่อโซเชียลสมัยนี้เร็วมาก ทางสมาคมฯ กำลังหาจุดที่พอดี ว่าจะตัดสินปัญหานี้อย่างไร จึงตั้งคณะกรรมการนี้ขึ้นมา เพื่อทำการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐาน สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และได้เสนอต่อท่านนายกฯ เป็นผู้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะลงโทษอย่างไร คาดว่าผลจะออกมาเร็วๆ นี้”

ขณะที่ อิศเรศ ได้กล่าวขอโทษต่อหน้าคู่กรณี ศุภสัณฑ์ ว่า “ผมก็ขอโทษในเหตุการณ์วันนั้น ที่ได้ทำกับน้องเขา มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ มันเป็นการขาดสติของผม อยากจะขอโทษน้อง ขอโทษสโมสรนอร์ทกรุงเทพ อยากขอโทษทุกคนครับ”







ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark