แบไต๋7เอชดี (beartai7HD)

ได้ตัดใจได้ง่ายขึ้น! เปิดวิธีเลือกหน้าจอทีวี ให้เหมาะสม แถมประหยัดเงินในกระเป๋า

เคยสงสัยไหมว่า จอทีวีที่ตั้งเรียงรายตามโชว์รูม ทำไมหน้าจอถึงมีความคมชัด ความสว่าง และสีสันที่ไม่เท่ากันเพราะจอทีวีแต่ละรุ่นมี “ประเภทหน้าจอ” ไม่เหมือนกัน ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน วันนี้แบไต๋ รีวิวเวอร์ จะมาบอกวิธีการเลือกซื้อทีวีให้เหมาะสมกับผู้ใช้ อาจช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าลงบ้าง ไปดูกัน

ปัจจุบันประเภทของจอทีวี มี 4 แบบด้วยกัน คือ LED (เอลอีดี), OLED (โอแอลอีดี), QLED (คิวแอลอีดี) และ Mini-LED (มินิ-แอลอีดี)

โดยจอแต่ละประเภทก็มีจุดแข็ง จุดอ่อน แตกต่างกันไป โดยจอ LED จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่สุดในปัจจุบัน โดยอาศัยหลอด LED ส่องแสงสว่างผ่านชั้นสีตรงกลางให้เกิดสีสันออกมา

จุดแข็งของจอ LED คือช่วงราคาที่ทีวีแบบ LED มีราคาเริ่มต้นถูกมาก มีเงินหลักพันบาทก็ซื้อได้แล้ว ซึ่งทีวี LED ที่ราคาสูงขึ้น ก็จะให้สีที่สดใสสมจริงขึ้น ส่วนจุดอ่อนของจอประเภทนี้คือจะให้สีดำไม่สนิท เป็นสีดำแบบเทา ๆ แต่จอ LED ที่ราคาสูงจะสามารถดับแสงเป็นโซน เพื่อให้สีดำสนิทขึ้นได้

ส่วนจอประเภทถัดมาคือ QLED (คิวแอลอีดี) จอนี้มีพื้นฐานคล้าย LED แต่อัปเกรดให้ดีขึ้น ด้วยการเปลี่ยนชั้นสีปกติเป็นควอนตัมดอท (Quantum Dots) ทำให้แสดงสีสันสมจริงที่สุดในบรรดาจอทุกประเภท  และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่จุดอ่อนจะเหมือนจอ LED คือจอ QLED ที่ราคาต่ำจะให้สีดำแบบเทา ๆ ไม่ได้มืดสนิท และยังมีอาการแสงฟุ้งที่เรียกว่า Blooming เวลามีสีดำกับสีขาวอยู่ใกล้กัน ยกตัวอย่าง เวลาขึ้นซับไตเติล ก็จะฟุ้ง ๆ

ถ้า QLED คือจอขั้นสูงที่แสดงสีสันได้ดีที่สุด OLED ก็คือจอขั้นสูงเหมือนกัน ที่แสดงผลสีดำได้มืดสนิท มืดที่สุดในบรรดาจอทุกรุ่น

หากกล่าวถึง OLED หลายคนน่าจะเคยได้ยิน เพราะมือถือยุคนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้จอประเภทนี้ หลักการทำงานของจอ OLED คือใช้แผงหน้าจอที่สามารถเปล่งแสงและปิดแสงได้ในระดับพิกเซล จุดแข็งคือสามารถแสดงจุดสีดำที่ดำที่สุด ดำแบบปิดหลอด ตัดกับจุดสีขาวที่อยู่ติดกันได้เลย จึงได้ภาพตื่นตาตื่นใจ ในขณะเดียวกันก็ยังได้สีสันสดใสกว่าจอ LED แม้จะแพ้จอ QLED อยู่น้อยเหมือนเปรียบเทียบกันแล้ว

โดยจุดอ่อนอยู่ที่อายุการใช้งาน เพราะมีโอกาสเจอปัญหาจอเบิร์น หรือภาพค้างบนจอ เนื่องจากการแสดงภาพเดิมค้างไว้นาน ๆ แม้ในปัจจุบันผู้ผลิตก็จะมีวิธีการป้องกันปัญหาจอเบิร์นด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเกิดอยู่ดี ส่วนจุดอ่อนอีกเรื่องคือราคาที่สูงแทบไม่ต่างจาก QLED เลย

สุดท้าย Mini-LED ประเภทของจอที่มีพื้นฐานภายในคล้ายกับ QLED ที่มีชั้นฟิล์มเสริม ทำให้แสดงสีสันได้สดใสสมจริง แต่ปรับปรุงขนาดหลอดไฟด้านหลังจอให้เล็กลง ทำให้อัดเม็ดไฟได้จำนวนมากขึ้น จึงมีการแบ่งโซนมืด-สว่างได้ละเอียดกว่าเดิม ลดอาการแสงฟุ้งหรือ Blooming ให้น้อยลง แม้เรื่องแสงฟุ้งยังไม่สมบูรณ์แบบเท่า OLED แต่จอ Mini LED มีข้อดีที่จอสว่างมาก ทำให้สู้แสงภายนอกได้ดีกว่า

เรียกได้ว่า Mini-LED เป็นจอประเภทใหม่ ที่มีข้อดีของทั้งจอ QLED และ OLED ถือเป็นจุดน่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เทคโนโลยีจอขั้นสูงรูปแบบใหม่ ในราคาที่ไม่ได้สูงจากเดิมมาก

ติดตามรายการ แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark