เคยสงสัยไหม ทำไมปัจจุบันหูฟังมือถือไม่ต้องมีสายเหมือนแต่ก่อน แล้วถ้าไม่มีสายแล้วจะส่งเสียงจากมือถือไปที่หูฟังได้อย่างไร ? วันนี้แบไต๋มีคำตอบ

บลูทูท (Bluetooth) หรือเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูลในระยะสั้น โดยใช้คลื่นวิทยุย่านความถี่สูง UHF (Ultra high frequency) ซึ่งใช้แทนสายได้

ส่วนใหญ่จะเห็นบลูทูทบนอุปกรณ์ใกล้ตัว เช่น มือถือ โน้ตบุ๊ก หูฟัง นาฬิกาสมาร์ตวอซ์ต เมาส์-คีย์บอร์ด ลำโพง อุปกรณ์ IoT (ไอโอที) อื่น ๆ รวมถึงรถยนต์ เรียกว่าบลูทูทเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่อุปกรณ์อัจฉริยะในปัจจุบันที่จำเป็นต้องมี

โดยจุดกำเนิดของบลูทูท เกิดขึ้นในปี 1989 จากแนวคิดของ Nils Rydbeck (นีลส์ ไรด์เบ็ค) CTO ของ Ericsson Mobile (มือถืออีริคสัน) ที่ต้องการพัฒนาหูฟังที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องพึ่งสายสัญญาณ

หลังจากนั้นในปี 1994 Ericsson เริ่มมีการออกแบบพัฒนาวงจรรับ-ส่งโดยใช้คลื่นวิทยุ ซึ่งสามารถดึงความสนใจจากอีก 4 ยักษ์ใหญ่ในวงการ Tech สมัยนั้น อย่าง Intel, Nokia, Toshiba และ IBM มาร่วมกันตั้ง Bluetooth Special Interest Group หรือองค์กรกำหนดมาตรฐาน และกำกับดูแลขึ้นในปี 1997

โดยชื่อ Bluetooth ได้แรงบันดาลใจจาก Harald Bluetooth กษัตริย์แห่งเดนมาร์กและนอร์เวย์ ผู้รวบรวมดินแดนต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ เหมือนกับความสามารถของบลูทูท

หลังจากการจัดตั้ง Bluetooth SIG ได้ไม่นาน ในปี 1999 ก็ได้มีการเปิดตัวเทคโนโลยีบลูทูทครั้งแรกของโลกบนมือถือ Ericsson T36 ค่ะ แต่ก็มีปัญหาบางอย่างทำให้วางขายไม่ได้ กว่าที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสกับบลูทูท ก็ต้องเป็นปี 2001 ที่มีการวางขายใน Ericsson T39 และ โน้ตบุ๊ก ThinkPad A30 ของ IBM จุดนี้ก็ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของยุคบลูทูท

ยุคของบลูทูทสามารถแบ่งออกเป็น 5 ยุค โดย Bluetooth 5.0 ในปัจจุบันนับว่าเป็นยุคเฟื่องฟูที่สุดแล้วเพราะสามารถรับส่งข้อมูลได้ไกลถึง 240 เมตร บวกกับความเร็วมีการเพิ่มไปถึง 2 เมกะบิตด้วย เรียกว่าอุปกรณ์ IoT แทบทุกตัวต้องมีบลูทูทเป็นฟีเจอร์พื้นฐาน

ติดตาม รายการ แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35