เอาใจสายลงทุนด้วย 3 เคล็ดลับการลงทุนใน "หุ้น" ที่จะทำให้เงินของเรางอกเงย งดงาม อย่างยั่งยืน !

เคล็ดลับแรก "ซื้อหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า" หว่านพืชย่อมหวังผล ซื้อหุ้นย่อมหวังเงินปันผลเช่นกัน มุมมองหนึ่งคือการสร้างผลกำไรที่เติบโตได้ในระยะเวลาไม่นานด้วยการ ซื้อถูก-ขายแพง โดยเทียบกับมูลค่าของธุรกิจ ด้วยวิธีดูราคาหุ้นเทียบกับกำไรต่อหุ้น หรือภาษาการเงิน คือ "P/E" หรือใช้วิธีดูราคาหุ้นเทียบกับมูลค่าบัญชี เพื่อเปรียบเทียบราคาซื้อหุ้นว่าถูกหรือแพงกว่าบริษัทเจ้าของหุ้น ณ วันเริ่มกิจการ

สำหรับนักวิเคราะห์มือใหม่ อาจใช้วิธีการคัดกรองง่าย ๆ โดยเลือกซื้อหุ้นบริษัทที่มีความมั่นคงสูง และซื้อในช่วงที่มีวิกฤตเล็ก ๆ เช่น โควิด-19 ทำให้หุ้นหลายบริษัทราคาตกลง แต่ด้วยความสามารถของบริษัทนั้นแล้ว เราคาดคะเนได้ว่าสามารถเติบโตได้อีกเรื่อย ๆ ในอนาคต ก็เป็นตัวเลือกที่มีความน่าสนใจ

เคล็ดลับที่ 2 สำหรับผู้ที่ไม่ห่วงเรื่องความผันผวนในระยะสั้น แต่ต้องการ "เงินปันผล" ในระยะยาว นักลงทุนทั้งหลายอาจเริ่มด้วยการดูยอดขายของบริษัทนั้น ว่ามีแนวโน้มเติบโตที่ต่อเนื่อง และต่อมาคือดูกำไร ซึ่งหากมีทั้งยอดขายและกำไรควบคู่กัน ก็อาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่มีโอกาสอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่มีเงินปันผล ซึ่งผู้ลงทุนต้องอ่านนโยบายปันผลของบริษัทนั้นเพิ่มเติมด้วย

สำหรับสายปันผล สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านการค้นหา และการวิเคราะห์ข้อมูล โดยแนะนำให้ดูผลประกอบการ หรือเงินปันผล ย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี เพราะอาจทำให้เห็นแนวโน้ม และสิ่งสำคัญต้องนำข้อมูลในอดีตเหล่านั้น มาพิจารณาควบคู่กับข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน เพื่อคาดเดาความเป็นไปได้ในอนาคตด้วย

ทั้ง 2 เคล็ดลับที่กล่าวไปไม่ว่าจะเป็น "ซื้อหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า" หรือ "เงินปันผล" จัดเป็นวิธีดูหุ้นแบบรายตัวทั้งคู่ เหมาะกับผู้มีความรู้ และเข้าใจด้านการเงิน ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์ แต่หากใครที่เป็นมือใหม่ และต้องการลงทุนแบบเบาสบายสมอง แนะนำเคล็ดลับที่ 3 คือ "ซื้อหรือลงทุนผ่านกองทุนรวม" ซึ่งเป็นการลงทุนด้วยเงินก้อนเล็ก แต่ได้หุ้นหลากหลาย ช่วยกระจายความเสี่ยงแก่ผู้ลงทุนด้วย

นักลงทุนที่มีความสนใจกองทุนรวม อาจเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วย "กองทุนรวมดัชนี" ซึ่งก็คือ กองทุนรวมซื้อหุ้นตามดัชนีต่าง ๆ เพื่อเลียนแบบผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนีนั้น ๆ ยกตัวอย่างกองทุนรวม SET50 คือ ดัชนีรวมหุ้นที่มีมูลค่าสูงสุด 50 อันดับแรกที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีผลกำไรเฉลี่ยเลียนแบบตามสภาวะตลาด เป็นกลุ่มที่นักลงทุนทำความเข้าใจได้ง่าย และได้รับความนิยมสูง โดยในประเทศไทยมีทั้ง SET50 และ SET100 ส่วนในอเมริกา คือ S&P 500 และ Nasdaq-100 เป็นต้น

การลงทุนในกองทุนรวม หลายคนใช้วิธีทยอยลงทุนเป็นรายเดือน หรือที่เราคุ้นกันในชื่อ DCA หรือ Dollar Cost Averaging ซึ่งผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลเรื่องการซื้อผิดจังหวะ สะสมไปเรื่อย ๆ ได้อย่างสบาย ๆ

พบกับ "โคชหนุ่ม" และ "กาย สวิตต์" ได้ใน สนามข่าว 7 สี ช่วง "เงินทองของจริง" ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.05-9.15 น. ทางช่อง 7HD กด 35